สลด! สุดยื้อเด็กม.2 ถูกเพื่อนแทงคอเสียชีวิต ผู้ก่อเหตุอ้างถูกไถเงิน-ทำร้าย ตร.ยันไม่ใช่เด็กพิเศษ

ข่าวทั่วไป Monday January 29, 2024 12:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เมื่อเวลา 9.00 น. เกิดเหตุนักเรียนมัธยมโรงเรียนย่านพัฒนาการก่อเหตุทะเลาะวิวาทด้วยอาวุธมีด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย โดยเด็กชายเอ (นามสมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 ถูกเพื่อนนักเรียนชายใช้อาวุธมีดแทง นอนหมดสติกลางสนามกีฬา ขณะกำลังเลิกแถวตอนเช้า

รายงานข่าวระบุว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กพิเศษใช้มีดปลอกผลไม้แทงเข้าที่คอของนักเรียนที่บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาที่ รพ. ล่าสุด นักเรียนชั้น ม.2 ที่ได้รับบาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตแล้ว พ.ต.อ. วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เปิดเผยภายหลังสอบปากคำเยาวชน 14 ปี ผู้ก่อเหตุว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำเด็กและพยานทั้งคุณครูที่เห็นเหตุการณ์ และแม่ผู้เสียชีวิต

ผู้ก่อเหตุอ้างว่าสาเหตุเกิดจากความคับแค้นใจที่ถูกผู้ตายมักจะมาบังคับขอเงินครั้งละ 20 บาท โดยมักจะก่อเหตุบนอาคารเรียน อ้างว่าจะนำไปซื้อบุหรี่ และมีการชกที่ศีรษะและใบหน้า ซึ่งโดนแบบนี้ประมาณ 3-4 ครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยความคับแค้นใจจึงไปซื้อมีดพกติดตัวมาโรงเรียนในเช้าวันนี้ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปสอบปากคำพยานในโรงเรียนว่าพบเห็นพฤติกรรมแบบนี้จริงหรือไม่

ผกก.สน.คลองตัน ยืนยันว่า จากการสอบปากคำพบว่าเยาวชนวัย 14 ปีรายนี้ มีสติสัมปชัญญะเต็ม 100% สามารถตอบคำถามได้ชัดเจน นักจิตวิทยาและบุคคลที่ร่วมสอบปากคำลงความเห็นว่าเด็กมีสภาพจิตที่ปกติ แต่ในทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งผู้ก่อเหตุไปตรวจสุขภาพจิตอีกครั้ง และ จากการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แต่เจ้าตัวยอมรับว่า เคยเสพกัญชา 1 ครั้งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

*ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่ สั่งเข้มมาตรการความปลอดภัยในโรงเรียน ขอรอผลสอบสวน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงกรณีเหตุนักเรียนถูกทำร้ายร่างกาย ณ โรงเรียนย่านพัฒนาการ 26 ว่า จากหลักฐานที่มี คือเด็กนักเรียนผู้ก่อเหตุไม่ใช่เป็นเด็กพิเศษ ไม่ได้เป็นเข้าชั้นเรียนเด็กพิเศษ ส่วนที่บอกว่าเขาเด็กพิเศษอาจจะเป็นการสังเกต เรื่องนี้ต้องระวังเพราะมีเด็กพิเศษอยู่ในโรงเรียนกทม. หลายคนจะกลายเป็นว่าทุกคนกลัวเด็กพิเศษไปหมด เด็กพิเศษมีหลายรูปแบบ อย่าเอาเรื่องนี้เป็นประเด็น รอเรื่องการสืบสวนให้ชัดเจนก่อนว่าปัญหาเป็นอย่างไร รวมถึงเรื่องการบูลลี่ด้วย

สำหรับมาตรการความปลอดภัย ต้องระวังพิเศษโดยเฉพาะเรื่องการเลียนแบบกัน เรื่องแรก คือการตรวจอาวุธต้องเข้มข้นขึ้น ตรวจตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในโรงเรียนก็ต้องระวังด้วย เช่น กรรไกร มีดทำอาหารที่อยู่ในโรงเรียน อาจต้องมีการเก็บให้เป็นระเบียบมากขึ้น อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาก็มีการตรวจ แต่อาจจะไม่ได้ 100% ทุกวัน เพราะว่าเกี่ยวกับเรื่องของเวลา เรื่องของสิทธิของนักเรียนด้วย ดังนั้น ผู้ปกครองอาจต้องช่วยกันดู เพราะบางทีเป็นนักเรียนหญิงก็ต้องระวังเหมือนกัน

"อย่างโรงเรียนนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องมีเยาวชนจากด้านนอก มีพฤติกรรมที่เกเรนิดหน่อย ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้วผู้ปกครองให้ความเห็นที่น่าสนใจ บอกว่าจริงๆแล้วไม่อยากให้เด็กแต่งชุดไปรเวท เพราะว่าเด็กที่มาโรงเรียนเนี่ยไม่สามารถแยกไอ้เกเรที่อยู่นอกโรงเรียนกับเด็กที่แต่งตัวโรงเรียนได้ ซึ่งน่าสนใจก็เป็นมิติหนึ่งซึ่งอาจจะไม่ใช่มิติเรื่องสิทธิภาพของเด็กแต่เป็นเรื่องบริบทโดยรอบและเรื่องความปลอดภัยของเด็ก ซึ่งอันนี้ก็ต้องให้ไปประเมินว่าจะมีผลเรื่องความปลอดภัยหรือไม่" นายชัชชาติ กล่าว

ทั้งนี้ กทม. ต้องถอดบทเรียนเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา ซึ่งมี 2 ส่วน คือ ที่มาของอาวุธว่า นำเข้ามาในโรงเรียนได้อย่างไร ต้องปัองกันส่วนนี้ และเรื่องพฤติกรรมว่า จะแยกพฤติกรรมนี้ออกมาได้อย่างไร จะดูแลเด็กที่อาจจะมีพฤติกรรมที่ได้รับการบำบัดหรือว่าทำให้ดีขึ้นอย่างไร ซึ่งต้องมีการสร้างความไว้วางใจ ให้กับเด็กที่เขากล้ามาเล่าให้เราฟัง สื่อสารด้วยรวดเร็ว สะดวก และไม่กังวล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ