นายกฯ สั่งตำรวจ "มูฟออน" ก้าวข้ามศึก "ต่อ-โจ๊ก" ด้าน "บิ๊กต่าย" ยันไม่ขอข้องเกี่ยว

ข่าวทั่วไป Tuesday March 26, 2024 16:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฯ สั่งตำรวจ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ในที่ประชุมได้กำชับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า (รอง ผบุ.ตร.) ย้ำชัดเจนขอให้ตำรวจทุกนายกลับไปปฎิหน้าที่ดูแลประชาชนเป็นหลัก ขอให้เรื่องคดีของทั้งสองเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีการแทรกแซง

ระหว่างการหารือ ก.ตร.วันนี้ได้เชิญนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวออกจากห้องประชุมด้วย ขณะที่ที่ประชุมได้พูดคุยเรื่องการพัฒนาบุคลากรและอีกหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้กำชับชัดเจนและทุกฝ่ายก็เห็นด้วยว่าควรจะมูฟออนได้แล้ว

นายกฯ สั่งตำรวจ

สำหรับข้อมูลที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ออกมาเปิดเผยว่ามีนายตำรวจระดับนายพลหลายนายเกี่ยวข้องกับการรับเงินจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ จะต้องนำมาพิจารณาในคณะกรรมการตรวจสอบด้วยหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไม่ยุ่งเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง

รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ก่อนการประชุม ก.ตร. นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงคำสั่งย้ายสองนายตำรวจใหญ่ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่าเพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส เป็นธรรมกับทุกฝ่ายปราศจากข้อความกล่าวหาว่ามีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ใช่การลงโทษแต่อย่างใด ยังถือว่าทั้งสองคนเป็นผู้บริสุทธิ์

ส่วนผลการดำเนินการจะนำไปสู่ขั้นตอนทางกฎหมายทางวินัยหรือปกครองหรือไม่นั้น ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคดีเว็บพนันออนไลน์ทั้ง มินนี่ และ BNK Master ซึ่งเป็นชนวนเหตุความขัดแย้งของ 2 นายตำรวจใหญ่ โดยระบุว่าขณะนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนที่ถูกตั้งขึ้นมาอยู่แล้ว จะไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

หากพนักงานสอบสวนมีความเห็นต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ก็ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ทุกอย่างถูกกำหนดด้วยกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว เบื้องต้นขอให้ความเห็นเพียงเท่านี้ โดยจะไม่ไปก้าวก่ายอำนาจของคณะทำงาน ขอไปทำงานเพื่อองค์กรตำรวจในช่วงที่รักษาราชการแทนฯ ดีกว่า

ส่วนเรื่องหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 เรื่องนี้ ยังไม่ทราบ เพราะไม่ได้พูดคุยและสอบถามกับหัวหน้าพนักงานสอบสวน

"ผมคงไม่ไปคุยกับใครเพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปคุยกับใคร ทำงานอย่างเดียว ถ้าจะเกี่ยวพันอะไรกับใครก็ว่ากันไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไม่เห็นต้องหนักใจ กฎระเบียบมีอยู่แล้วก็ต้องนำมาใช้ มั่นใจว่าตำรวจหนักแน่นและพร้อมจะเดินไปด้วยกันในเรื่องการทำงานในขณะที่เป็นรักษาการฯ แต่ถ้าไม่เป็นรักษาการฯ ก็ต้องเดินไปด้วยกันเรื่องงานป้องกันและปราบปราม"

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ไม่มีอะไรหนักใจ มีหน้าที่ต้องทำงานก็ทำงานไป และหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทำตามนโยบายก็จะมีบทลงโทษจริงจังแน่นอน ไม่ได้ขู่ใครแต่ทำเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร และหากตำรวจนายใดฝ่าฝืนและไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายหรือผิดนโยบาย รับรองได้ว่าจะต้องโดนพิจารณาข้อบกพร่องในทางปกครอง และจะมีผลไปถึงการแต่งตั้งครั้งหน้าแน่นอน

ส่วนกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ออกมาแฉว่ามีตำรวจยศนายพลเข้าไปเกี่ยวข้องเรียกรับเงินเว็บพนันออนไลน์ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า รอการยืนยันเข้ามาเป็นลายลักษณ์อักษร ตอนนี้ยังเป็นแค่ข่าว ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย ถ้ามีรายงานมาเป็นทางการก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ