"บิ๊กต่าย" ไม่กังวล "บิ๊กโจ๊ก" ขู่ฟ้อง ยันทำตามหน้าที่-ข้อเท็จจริง ปัดถูกแทรกแซง

ข่าวทั่วไป Friday April 26, 2024 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.กล่าวพาดพิงถึงการลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนว่า การที่ออกคำสั่งตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงออกจากราชการไว้ก่อนนั้นเป็นเรื่องของการพิจารณาจากข้อเท็จจริงพยานหลักฐานและใช้กฎหมายบทบัญญัติที่ถูกต้อง ส่วนจะมีข้อคิดเห็นอย่างไรก็เป็นมุมมองของแต่ละคน

"ขอยืนยันว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนในอำนาจหน้าที่ รรท.ผบ.ตร. ซึ่งยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 และกฎของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) อย่างเคร่งครัดในการพิจารณาข้อเท็จจริงและความร้ายแรงแห่งคดี"

เมื่อตนในฐานะ รรท.ผบ.ตร.ตัดสินใจที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ แล้วผลที่จะเกิดขึ้นมาก็มีหน้าที่ที่จะต้องชี้แจงหรือแก้ต่างในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ที่ถูกดำเนินการทางวินัยร้ายแรงทุกกรณีไม่จำเป็นต้องเป็น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีสิทธิ์ร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่เกิดขึ้นใหม่ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ และเป็นสิทธิของทุกคนที่จะฟ้องร้องต่อศาลปกครอง

ทั้งนี้ตนทราบมาว่าจะมีการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิ์โดยชอบของผู้ถูกกล่าวหาทุกคนที่จะสามารถกระทำได้ และตนมีหน้าที่ในการแก้ต่างหรือชี้แจงข้อเท็จจริง เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นตนเตรียมพร้อมรองรับอยู่แล้ว

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตุว่าการลงนามให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนควรเป็นลำดับขั้นตอนสุดท้าย แต่ที่ตนได้ตัดสินใจทำแบบนั้นไปไม่มีปัจจัยอื่นมาแทรกแซง การพิจารณาทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐานพยาน ความร้ายแรงของคดี เหตุที่ให้พักหรือออกราชการไว้ก่อนเป็นไปตามบัญญัติไว้ในกฎหมายทุกประการ ไม่มีการใช้ความรู้สึกส่วนตัวหรืออคติใดๆ

ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า การลงนามคำสั่งของรักษาการฯ มีการปิดบังซ่อนเร้นให้นายกรัฐมนตรีลงนามโยกย้ายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับมาประจำที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนจะถูกสั่งออกจากราชการชั่วคราวนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า "ท่านเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของชาติ ผมคือตำรวจคนหนึ่งจะเอาอะไรไปหลอกลวงระดับผู้บริหารประเทศ ด้วยสติปัญญา ด้วยความคิดต่างๆ ผมจะไปหลอกอะไรท่าน ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีนะ" ส่วนกรณีถูกกล่าวหาว่าร่วมกับขบวนการแก๊งค์ 4 ต. เพราะอยากเป็น ผบ.ตร.นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า การเป็นผู้นำองค์กรไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าอยากเป็นหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ก.ตร. การใช้อำนาจ และการพิจารณาตามกฏหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งความคิดเห็นประการใดก็ถือเป็นมุมมองของผู้ถูกกล่าวหา แม้จะถูกกล่าวหาในเรื่องร้ายแรงก็เป็นสิทธิ์ที่คิดได้อยู่แล้ว ตนไม่จำกัดความคิดของใคร ส่วนกรณีนี้เป็นการพิจารณาข้อกฎหมายที่มีความผิดพลาดหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิ์ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์คิดได้เช่นกัน ต้องเข้าสู่กระบวนการของหน่วยงานที่จะต้องพิจารณาพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง หรือศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบที่มีการระบุว่าจะไปยื่นฟ้องเช่นกัน ซึ่งตนไม่กังวลว่าจะกระทบกับหน้าที่การงาน อะไรที่จะต้องเกิดขึ้นจากดุลยพินิจขององค์กรต่างๆ ก็ต้องยอมรับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ