"นพดล"ปัดลงนามกับเขมรก่อนมีมติ ครม.รับรองขึ้นทะเบียนมรดกโลกเขาพระวิหาร

ข่าวทั่วไป Thursday July 3, 2008 14:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ยืนยันว่า ไม่เคยลงนามในเอกสารเรื่องการสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกก่อนที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)จะมีมติอนุมัติในเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.51 
ทั้งนี้การไปลงนามกับรัฐบาลกัมพูชาที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 22 พ.ค.51 เป็นเพียงการลงนามแบบย่อ(initial) เพื่อกำกับในสิ่งที่ได้มีการหารือกันไว้เท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่กัมพูชาจะสามารถนำเอกสารฉบับนี้ไปกล่าวอ้างว่าไทยได้สนับสนุนการขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว เพราะการลงนามในเอกสารดังกล่าวยังมีข้อความที่ระบุชัดเจนว่าจะไม่มีผลผูกพันใดๆ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีของทั้ง 2 ฝ่าย
อย่างไรก็ดี หลังจากศาลปครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ส่งผลให้รัฐบาลไทยจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล โดยไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ตามแถลงการณ์ร่วมที่ได้ลงนามไว้ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.51
"ถ้ากัมพูชาจะอ้างเอกสารของไทย จะต้องอ้างเอกสารที่ลงวันที่ 2 ก.ค. ที่ระบุว่าไทยไม่สามารถสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้" นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวว่า ในช่วงที่เดินทางไปประชุมคณะกรรมการมรดกโลกขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) ที่เมืองควิเบก แคนาดา ในวันที่ 5 ก.ค.นี้ จะหารือนอกรอบกับรัฐบาลกัมพูชา เพื่อขอให้เลื่อนการนำปราสาทพระวิหารจดทะเบียนเป็นมรดกโลกออกไปก่อน
"ผมจะคุยในรอบและนอกรอบ ขอให้เขาเลื่อนการจดออกไปก่อน แต่จะเลื่อนได้หรือไม่อยู่ที่คณะกรรมการมรดกโลก" นายนพดล กล่าว
องค์การยูเนสโก กำหนดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญที่ 32 ณ เมืองควิเบก แคนาดา ระหว่างวันที่ 2-10 ก.ค.51 โดยมี 41 ประเทศ นำเสนอสถานที่เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติเพื่อขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่
อย่างไรก็ดี ช่วงบ่ายวันนี้ นายนพดล ได้เชิญนายเชลดอน เชฟเฟอร์ ผู้อำนวยการยูเนสโก ประจำสำนักงานกรุงเทพมหานคร เข้าพบเพื่อหารือถึงประเด็นดังกล่าว โดยจะยื่นหนังสือทักท้วงต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และขอให้รัฐบาลกัมพูชาเข้าใจต่อท่าทีของรัฐบาลไทย เพราะขณะนี้ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครอง
ส่วนสถานการณ์ในกัมพูชานั้น นายวีระพันธุ์ วัชราทิตย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ได้ประเมินสถานการณ์ในกรุงพนมเปญอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสถานการณ์ยังเป็นไปโดยปกติดี และรัฐบาลของแต่ละประเทศก็ได้เพิ่มกำลังคุ้มสถานเอกอัครราชทูตมากขึ้นด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ