กอ.รมน.ภาค 4 วางมาตรการรักษาความปลอดภัยสื่อมวลชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

          พ.อ. อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก และผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า(กอ.รมน.ภาค 4) กล่าวว่า กอ.รมน.ภาค 4 ได้กำหนดแผนมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ใหม่ เพื่อความปลอดภัยหลังเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นทำให้มีผู้สื่อข่าวเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ 
          ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งการให้ปรับแผนงานรักษาความปลอดภัยสื่อมวลชนให้รัดกุมยิ่งขึ้น และขอความร่วมมือปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 
          สำหรับระเบียบและมาตรการใหม่ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานในพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงสูง ให้ผู้สื่อข่าวทุกแขนงแสดงบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวที่ทางราชการหรือภาครัฐกำหนดให้พกติดตัว และ ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดตลอดเวลา, การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนให้ระมัดระวังการใช้ถ้อยคำซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกขัดแย้ง แบ่งแยก และเกลียดชังระหว่างผู้คนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้อยคำที่แสดงถึงเชื้อชาติ ศาสนา เพศ หรืออื่นๆ ที่อาจจะชี้นำให้เกิดอคติและความเกลียดชังระหว่างประชาชนชาวไทยทั่วไป
          นอกจากนี้ ให้หลีกเลี่ยงการนำเสนอภาพข่าวที่สยดสยอง ก่อให้เกิดความหวาดกลัว และมีผลกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้บริสุทธิ์ รวมถึงครอบครัวและญาติ เช่น การนำเสนอภาพศีรษะที่ถูกตัด ภาพศพที่ถูกฆ่าและเผา หรือภาพผู้บาดเจ็บที่อยู่ในสภาพไม่น่าดู เป็นต้น, หลีกเลี่ยงคำพูดหรือข้อความที่เป็นไปในลักษณะสนับสนุนการไม่ไว้วางใจกันอันเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและเปราะบางในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคำพูดหรือข้อความที่เป็นไปในลักษณะชี้นำ ส่งเสริมให้เกิดการยกย่องการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ  
          รวมทั้ง ควรนำเสนอข่าวในลักษณะให้ผู้กระทำผิดต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคืออาชญากรที่ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยความเป็นธรรม  และหากไม่ได้รับความสะดวกในการปฏิบัติงาน หรือมีข้อขัดข้องสงสัย สามารถติดต่อขอข้อมูลและประสานรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า
          พ.อ. อัคร กล่าวอีกว่า การออกมาตรการในลักษณะดังกล่าวนั้น เนื่องจากรูปแบบการก่อเหตุของกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบมีการพลิกแพลงตลอดเวลา ทำให้จำเป็นต้องปรับการทำงานของเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวซึ่งปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัยในพื้นที่อันตรายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด โดยมาตรการดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเข้าไปริดรอนเสรีภาพสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวแต่อย่างใด