สภาพัฒน์ เผยเด็กขายบริการทางเพศเริ่มมีอายุต่ำลง เหตุงานเบา-รายได้งาม

ข่าวทั่วไป Monday September 8, 2008 15:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) เผยแนวโน้มนักเรียนนักศึกษาที่เข้าสู่วงจรแอบแฝงขายบริการทางเพศมีอายุน้อยลงเหลือแค่ 13 ปี โดยมีเหตุจูงใจจากปัญหาการเงิน การเลียนแบบเพื่อนที่ขายบริการทางเพศแล้วมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น และต้องการได้เงินจำนวนมากโดยไม่ต้องทำงานหนัก
"การสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่าร้อยละ 44.4 ของผู้ขายบริการทางเพศที่สำรวจเป็นนักเรียนนักศึกษา มีอายุเฉลี่ยเมื่อเริ่มเข้าสู่วงการนี้คือ 16 ปี และผู้ที่มีอายุต่ำสุดเมื่อเริ่มขายบริการทางเพศคือ 13 ปี" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
สำหรับผู้แอบแฝงขายบริการทางเพศมี 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ทำงานอิสระบางเวลา และกลุ่มนักศึกษา ซึ่งคาดว่ามีจำนวนรวมกันประมาณ 48,000 คน และกว่าร้อยละ 60 มีรายได้ประมาณเดือนละ 2 หมื่นบาทขึ้นไป
ส่วนปัจจัยที่ทำให้บริการทางเพศขยายตัวอย่างรวดเร็ว คือ การมีนายหน้าขายบริการทางเพศจำนวนมาก การสื่อสารที่สามารถติดต่อได้อย่างสะดวกรวดเร็วทั้งทางโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต และการมีค่านิยมมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
โดยแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวต้องอาศัยปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการประกอบกัน ได้แก่ พัฒนาสถาบันครอบครัว โดยให้ผู้ปกครองมีความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงดูวัยรุ่น, ตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาแนะนำผ่านทางสายด่วนและอินเตอร์เน็ต, สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและเอื้ออำนวยในการบ่มเพาะนิสัยสร้างจริยธรรม และแก้ไขกฎหมายโดยเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดให้รุนแรงยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ทางสังคมในไตรมาสที่ 2 ของปี 51 พบว่า สถานการณ์การมีงานเพิ่มขึ้น อัตราว่างงานลดลงอย่างต่อเนื่องและอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.4 การจ้างงานทั้งในและนอกภาคเกษตรขยายตัวดี
ด้านสุขภาพ คนไทยมีปัญหามากขึ้นด้วยโรคเฝ้าระวัง 11 โรค และเยาวชนกลุ่มอายุ 15-24 ปี มีอัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้านความมั่นคงทางสังคม คนไทยมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยรวมดีขึ้น แต่ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นปัญหารุนแรงอย่างต่อเนื่อง และมีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางแม้กระทั่งในเรือนจำและทัณฑสถาน
ด้านพฤติกรรมและความเป็นอยู่ของคน มีค่าใช้จ่ายการบริโภคแอลกอฮอล์ในครัวเรือนลดลง แต่การบริโภคยาสูบยังคงเพิ่มขึ้น โดยเด็กและเยาวชนตั้งแต่ระดับ ป.5 ถึงระดับอุดมศึกษามีการใช้สารเสพที่นิยมมากที่สุดคือ เหล้า
ด้านสิ่งแวดล้อม คุณภาพอากาศในหลายพื้นที่ดีขึ้น แต่ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กยังเป็นปัญหาในบางพื้นที่ของกรุงเทพฯ สระบุรีและเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังตรวจพบก๊าซโอโซนเกินมาตรฐานในปริมาณและความถี่ของการเกิดก๊าซโอโซนที่เพิ่มขึ้นในหลายจุดตรวจวัดใน กทม. และปริมณฑล ส่วนมลพิษทางเสียงบริเวณริมถนนเกือบทุกจุดตรวจวัดในกรุงเทพฯและสระบุรียังคงมีระดับเสียงเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ