นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับคณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศและหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศ พร้อมให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะนำมาความสมัครสมานสามัคคีกลับสู่สังคมไทยและจะเรียกความเชื่อมั่นคืนจากทุกฝ่าย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีทราบดีว่า ที่ผ่านมานานาชาติต่างติดตามพัฒนาการทางการเมืองที่เกิดขึ้นใหม่ของประเทศไทยอย่างใกล้ชิดแม้สถานการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด อีกทั้งเป็นช่วงที่มีความบอบบางอย่างยิ่ง แต่ขณะนี้ประเทศไทยได้ก้าวเข้าช่วงของการเปลี่ยนถ่ายไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การเปลี่ยนผ่านซึ่งนำมาซึ่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสังคม ความชอบธรรมของประชาชนและความเชื่อมั่นจากทุกฝ่าย
โดยตัวบ่งชี้ที่สำคัญคือ การเข้ามารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีได้นำมาซึ่งความมีเสถียรภาพภายใน เห็นได้จากผลการเลือกตั้งซ่อมทั่วประเทศและผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อวันที่ 11 ม.ค.51 ซึ่งเป็นการถ่วงดุลที่สำคัญ รัฐบาลชุดนี้ให้คำมั่นที่จะสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยนำมาซึ่งความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของชาตินับแต่วันนี้เป็นต้นไป
"รัฐบาลจะบริหารประเทศภายใต้ประชาธิปไตยและระบอบรัฐสภา และมุ่งที่จะสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติ ยึดหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล ความถูกต้องชอบธรรมและความซื่อสัตย์ และยึดมั่นต่อความรับผิดชอบในฐานะรัฐบาลของประชาชน" นายกรัฐมนตรี กล่าวนอกจากนี้ รากฐานทางเศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่ง รัฐบาลได้ถือการฟื้นฟูเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญเป็นอันดับแรก จึงได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งการชดเชยค่าบริการพื้นฐานต่างๆ การฝึกอบรม โครงการพัฒนาในระดับชุมชน มาตรการจูงใจทางด้านภาษี การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่พนักงานและบริษัท มาตรการต่างๆ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยคนไทยและเศรษฐกิจทั้งระบบสามารถต่อสู้วิกฤตเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกได้อย่างเหมาะสม
พร้อมกันนี้ประเทศไทยยังคงบทบาทสร้างสรรค์ในระดับอนุภูมิภาค และชุมชนระหว่างประเทศ รวมทั้งยังคงยึดมั่นในพันธกิจและข้อผูกพันระหว่างประเทศในทุกระดับ ทุกภาคส่วน อีกทั้งการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านยังเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายต่างประเทศของไทย
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 โดยได้กำหนดการประชุมระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-1 มี.ค.52 ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งในฐานะประธานอาเซียนเพื่อผลักดันให้มีกฎบัตรอาเซียนได้ดำเนินการ
"รัฐบาลจะทำงานอย่างหนักเพื่อประชาชนและประเทศไทย รวมทั้งจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับนานาประเทศด้วยความจริงใจและสร้างสรรค์ ท้ายที่สุดผลงานจะบ่งบอกได้ดีกว่าคำพูดเอง" นายกรัฐมนตรี กล่าว