นายกฯ กล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้นำอาเซียนเรียกร้องประสานความร่วมมือแนบแน่นขึ้น

ข่าวทั่วไป Saturday February 28, 2009 14:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอาเซียน กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ที่ชะอำ หัวหิน วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 เรียกร้องประชาคมอาเซียนร่วมมือกันเสริมความเข้มแข็งภายในเพื่อก้าวไปข้างหน้าเพื่อสันติภาพและความผาสุกของภูมิภาค

พร้อมทั้ง เสริมสร้างปฏิสัมพันธ์กับประเทศนอกภูมิภาค เพื่อสร้างความเชื่อมโยงอาเซียนกับโลกภายนอก และเพิ่มพูนบทบาทและความร่วมมือของอาเซียนในกรอบความร่วมมือและกระบวนการในระดับภูมิภาคต่างๆ ที่จะนำประโยชน์มาสู่ทุกประเทศ และย้ำบทบาทของอาเซียนในโครงสร้างของภูมิภาคที่มีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของภูมิภาคในความเป็นหุ้นส่วนกับประเทศในเอเชียตะวันออกอื่นๆ และร่วมมือกับมิตรเพื่อแก้ไขประเด็นเร่งด่วนที่มีผลกระทบต่อประชาชน

"จาก 5 ประเทศ เป็น 10 อาเซียนของเราแม้มีความหลากหลาย แต่ก็มีเป้าหมายร่วมกันที่ทำให้เรารวมตัวเป็นประชาคมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความห่วงใยซึ่งกันและกัน และตอบสนองต่อส่วนที่สำคัญที่สุด นั่นคือประชาคมอาเซียน"นายอภิสิทธิ์ กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะที่เราตั้งเป้าหมายจะสร้างประชาคมอาเซียนให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 เราต้องพยายามส่งเสริมและเสริมสร้างสภาวะที่เอื้อต่อสันติภาพและความผาสุกของภูมิภาค อาเซียนจะเป็นจุดศูนย์กลางระหว่างขั้วทางการเมืองและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

สิ่งท้าทายในการบรรลุเป้าหมายคือจะทำอย่างไรให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางของโครงสร้างทางการเมืองของภูมิภาคต่อไป วิธีหนึ่งคือการเสริมสร้างประชาคมอาเซียน เพื่อให้เราสามารถเป็นกำลังหลักในการสร้างระบบภูมิภาคที่มีสันติภาพและเสถียรภาพ สำหรับประชาคมการเมืองความมั่นคง เราต้องพยายามสร้างบรรทัดฐานและแนวปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยยกระดับความเชื่อมั่นและความเข้าใจกันระหว่างประชาชนภายในภูมิภาค

ในด้านประชาคมเศรษฐกิจ เราต้องเร่งสร้างเขตเศรษฐกิจและฐานผลิตร่วมของอาเซียนที่สามารถดึงดูดการค้าลงทุนจากต่างประเทศได้ ด้านประชาคมสังคมวัฒนธรรม เราต้องพยายามส่งเสริมประชาคมที่เอื้ออาทรและแบ่งบัน ซึ่งจะทำให้ประชาชนของเราสามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นคง

นอกจากนี้แล้ว เราต้องทำให้อาเซียนเป็นองค์กรที่ตั้งอยู่บนกฎกติกาและในฐานะที่อาเซียนเป็นองค์กรที่มีนิติฐานะ อาเซียนต้องมีความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส โดยมีการประนีประนอม การตรวจสอบ และการเจรจาในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นมาตรฐานขององค์กร

เราต้องทำให้อาเซียนเป็นองค์กรที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ในเรื่องการส่งเสริมและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิทธิขั้นพื้นฐานหนึ่งในเรื่องสำคัญของประชาคมอาเซียน การจัดตั้งกลไกสิทธิมนุษยชนอาเซียนภายในปีนี้เป็นครั้งแรกของอาเซียนมีกลไกและเป็นก้าวสำคัญของการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค

เราต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการสร้างประชาคมอาเซียน ซึ่งเมื่อเช้านี้เราได้รับฟังความคิดเห็นของผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน ผู้นำเยาวชน ผู้แทนภาคประชาสังคม และผู้แทนภาคธุรกิจ ผมจึงหวังว่าการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในความพยายามสร้างความรู้สึกของความเป็น “ราษฎรอาเซียน" และแปลงความหวังของประชาชนให้เป็นผลที่เป็นรูปธรรม

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไทยจะจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสามและการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกต่อไปในปีนี้ ซึ่งไทยกำลังหารือกับประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดวันประชุม นอกจากนี้ เราจะเป็นประธานการประชุมอาเซียนว่าด้วยการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เออาร์เอฟ) และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกับคู่เจรจา (พีเอ็มซี) ในเดือนกรกฎาคม และได้กำหนดจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ในเดือนตุลาคม ศกนี้

"ความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดกับนอกภูมิภาคเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในโลกที่โลกาภิวัฒน์และพึ่งพาซึ่งกันและกัน ไม่มีใครอยู่คนเดียวในโลก ไม่มีภูมิภาคใดหรือประเทศใดที่อยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว เรามีความเกี่ยวเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของโลกทั้งใบนี้ หากอยู่เพียงคนเดียว เราก็จะอ่อนแอ"นายอภิสิทธิ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ