ศูนย์วิจัยกสิกรมองไข้หวัดหมูระบาดไกล เชื่อผลกระทบยังน้อยแค่ตื่นตระหนก

ข่าวทั่วไป Monday April 27, 2009 12:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ถึงกรณีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมู H1N1 ที่องค์การอนามัยโลกเตือยภัยขั้นฉุกเฉินว่า จากการประเมินในเบื้องต้นเชื่อว่าผลกระทบต่อไทยยังค่อนข้างน้อย อาจจะมีบ้างในด้านการท่องเที่ยว เมื่อเทียบกับโรคซาร์สและไข้หวัดนกที่มีผลกระทบโดยตรง และเชื่อว่าปฏิกิริยาของโลกที่ตื่นตัวต่อเรื่องนี้เกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว ทำให้โอกาสที่จะรับมืออยู่มีมากขึ้น แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป เพราะมีหลายเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน

*ผลกระทบโดยตรงต่อไทยจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมู

"เมื่อครั้งโรคซาร์สเกิดขึ้นใกล้ประเทศไทย คือ จีน แต่ครั้งนี้โรคไข้หวัดหมูเกิดขึ้นค่อนข้างไกลจากไทย มันค่อนข้างไกลตัวเรา ความกังวลก็น่าจะลดลง ยกเว้นแต่ว่าจะมีกรณีที่เกิดขึ้นใกล้ ๆ บ้านเรา ทุกคนก็จะมีความกังวลตามมา แต่ ณ เวลานี้ยังไกลตัวเราเมื่อเทียบกับโรคซาร์ส ที่เคยเกิดขึ้น

ณ ตอนนี้มันไม่น่าจะรุนแรงเท่ากับซาร์ส และกรณีนี้เรารับรู้ปัญหาได้เร็วกว่า แต่เหตุการณ์นี้มาเกิดขึ้นในช่วงที่การท่องเที่ยวไทยย่ำแย่อยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่เป็นผลดี ก็คือเราอยากจะเห็นปัจจัยบวก ก็รอให้มีข่าวดี มันอาจจะไม่มาใกล้บ้านเรา แต่ก็ไม่ได้เอื้อเลย

ยิ่งถ้ามีกรณีที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศ คนที่ไม่ได้ไปเม็กซิโกแล้วติดโรค ก็จะยิ่งสร้างความกังวลมากขึ้น เพราะเท่ากับว่ามันมีการติดคนสู่คน ผ่านคนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ผมก็ไม่อยากจะพูดไปให้เกิดความตื่นตระหนกก่อน แต่พยายามมองว่าเทียบกับซาร์สแล้ว จุดเริ่มต้นทุกคนได้รับรู้เตรียมการแต่ต้นก็น่าจะดี และอันนี้ก็ไม่ใช่ข่าวดีแน่นอน"

*ผลกระทบต่อการส่งออกเนื้อหมูของไทย

"ไทยเป็นประเทศผู้ผลิต ไม่มีการนำเข้าหมูจากสหรัฐฯ จึงไม่ต้องไปกังวลมาก คือเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นในเม็กซิโก ดังนั้นเม็กซิโกน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาด

สำหรับประเทศไทยเป็นผู้ผลิตเนื้อสุกร ซึ่งบริษัทใหญ่ ๆ ก็มีวิธีการควบคุมการผลิตอย่างดีแล้ว เราก็มีประสบการณ์กับกรณีของไข้หวัดนกแล้ว ฉะนั้น ผู้ส่งออกของไทยเชื่อว่าคงจะมีมาตรฐานตามสเปคของผู้นำเข้าอย่างประเทศอย่างยุโรป ญี่ปุ่น ซึ่งมีมาตรฐานด้านสุขอนามัยค่อนข้างสูง และเราก็ไม่เคยมีปัญหา ส่วนผู้นำเข้าก็มีการตรวจอย่างละเอียดอยู่แล้ว

และเวลานี้ยังไม่ได้มีการแพร่ระบาดในไทย ในหมู ในเล้าหมู ในฟาร์มหมู จึงไม่น่าจะเป็นข้อกังวล แต่ผมว่าด้านการท่องเที่ยว การปศุสัตว์ จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อาจจะมีในแง่ของความตื่นตระหนกจากเรื่องของข่าว"

*ผลกระทบจากความตื่นตระหนกคาดว่าจะเป็นอย่างไร

"เป็นสิ่งที่ต้องตามและน่ากังวลเป็นเรื่องของการแพร่ระบาดจากคนสู่คน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เพราะจะมีกรณีที่เป็นข่าวแล้วที่ว่าคนแคนาคา คนนิวซีแลนด์ ไปเม็กซิโกมาแล้วไปติดโรคมาตรงนี้ หลายประเทศก็มีการตั้งด่านกักกันโรคขึ้นมา ถ้าผู้เดินทางมีอาการไข้หวัด บางทีก็มีการสแกนอุณหภูมิ ก็จะคล้าย ๆ ทำให้คิดถึงการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส ในช่วงปี 2002-2003

แต่รอบนี้จะดูดีกว่าเมื่อครั้งโรคซาร์สที่เกิดในปลายปี 2002 แต่กว่าคนจะรู้โรคนี้ก็มาในปี 2003 คือช่วงแรกไม่ได้มีการแจ้งทางการจีน อาจจะด้วยกังวลและมองว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็เลยไม่แจ้งให้นานาประเทศรับทราบถึงการแพร่ระบาด แต่รอบนี้ทางเม็กซิโก้ และสหรัฐฯได้ alert เรื่องนี้ไปก่อน ฉะนั้นการรับรู้ต่อปัญหาเร็วกว่ากรณีของโรคซาร์ส

อันนี้จะเห็นได้ว่าทุกประเทศรับรู้ปัญหาได้เร็วกว่า ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดที่เล็ดลอดไปแล้วมารู้ทีหลังน่าจะน้อยกว่า อันนี้น่าจะดี ทำให้เราสามารถควบคุมได้เร็วกว่าเมื่อครั้งเกิดโรคซาร์ส ที่กว่าจะควบคุมได้ก็ไปกลางปี 2003 ไปแล้ว"

*โอกาสที่จะทำให้จีดีพีของไทยติดลบไปมากขึ้นมีหรือไม่

"ตอนนี้ยังประเมินตัวเลข GDP ปีนี้ของไทยไว้ในกรอบติดลบ 3-6% แม้ว่าจะมีเรื่องการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมู ซึ่ง ณ นาทีนี้มองว่ายังไม่น่าจะหลุดจากกรอบนี้ แต่จะเห็นได้ว่าภายหลังจากมีข่าวเรื่องไข้หวัดหมูออกไป ก็ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงทันทีในเช้านี้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสหรัฐฯที่อยู่ใกล้กับเม็กซิโกมากที่สุด

แต่ตลาดฯก็คงจะต้องรอดูความชัดเจน ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะทางการแพทย์กว่าที่จะ confirm ได้ก็ต้องใช้เวลา แต่ตลาดได้รับรู้ไปก่อนแล้ว

อย่างไรก็ดี มันอยู่ที่ความรุนแรงของการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดหมู และจำนวน case ที่จะตามมา และดู case ว่าที่เป็นโรคเพราะไปเม็กซิโกหรือเป็นจากกรณีอื่น เพราะมันจะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความแพร่ระบาดของไวรัสตัวนี้ อันนี้ก็เกินกว่าที่เราจะไปคาดการณ์ได้ ก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างเดียว

แต่การที่ทุกประเทศตื่นตัวกับปัญหานี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่างสนามบินที่ญี่ปุ่นก็มีการสแกนอุณภูมิผู้ที่เดินทางเข้ามาแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าเราทำอีกอาทิตย์หนึ่งผ่านไปแล้ว จะมีคนป่วยผ่านเข้ามา มันเหมือนกรณีซาร์สที่มีการ reaction ช้า การ reaction ต่อปัญหาของทั่วโลกยิ่งเร็ว ยิ่งโอกาสที่จะควบคุมโรค น่าจะมีประสิทธิผลมากกว่า

แม้ว่าผลกระทบที่จะประเมินเป็นเม็ดเงิน ผมว่ายังคงประเมินไม่ได้ เพราะมันยังไม่รู้ขอบเขตของการระบาดที่ชัดเจน แต่ Sentiment ในแง่ของความรู้สึกก็ negative ไปแล้ว โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ทำให้ขายลำบากขึ้น มันไม่ใช่ Timing ที่เอื้อต่อเราเลย แม้ว่าจะไม่ effect ต่อเราโดยตรงเลยก็ตาม"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ