นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การหยุดกิจกรรมทุกอย่าง หรือการปิดโรงเรียนทั่วประเทศคงไม่สามารถตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ ดังนั้น จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายรับผิดชอบในการดูแลและป้องกันเพื่อไม่ให้โรคแพร่ระบาดมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการไข้ควรหยุดอยู่บ้าน เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
ขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมมาตรการรองรับไว้แล้วหากสถานการณ์การระบาดในประเทศไทยเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น โดยสิ่งที่รัฐบาลทำได้คือการให้ข้อเท็จจริงแก่ประชาชนถึงแนวทางการป้องกันตัวเองจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งจากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า ส่วนใหญ่ผู้ที่ติดเชื้อระยะแรกจะมีอาการน้อยมาก หรือแทบไม่แสดงอาการของโรค ดังนั้น แนวทางที่ดีที่สุดคือ เมื่อเจ็บป่วยแม้เพียงเล็กน้อยก็ควรพักผ่อนอยู่บ้าน หรือมีไข้สูงเกิน 2 วันต้องรีบไปพบแพทย์
"ผมยกตัวอย่างชัดๆ หากปิดโรงเรียนหมด หรือหยุดทุกอย่างหมด ถ้าอยู่บ้านโดยไม่เจอใคร 7 วันทำได้หรือเปล่า มันไม่สามารถตัดวงจรได้ทั้งหมด...ต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย ไม่ใช่พึ่งใครไม่ได้ แต่ถ้าทุกคนให้ความร่วมมือ (ผู้ป่วย)กรุณาอยู่ที่บ้าน"นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่องค์การเภสัชกรรมสั่งจองไว้จากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนอาจไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100% นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วัคซีนดังกล่าวอาจมีผลข้างเคียงบ้าง แต่ไทยมีความจำเป็นต้องรีบสั่งจองวัคซีนไว้ก่อนเพราะยังมีอีกหลายประเทศมีความต้องการสั่งจองมาก อย่างไรก็ดี หากวัคซีนดังกล่าวไม่ผ่านผลการตรวจสอบรับรองของยุโรป ทางบริษัทผู้ผลิตก็จะต้องใช้เงินคืน
นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าหากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทยได้นั้น จะส่งผลต่ออายุการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ แต่ยอมรับว่าไม่พอใจนักกับยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นรายวันจากโรคดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นสถานการณ์ที่ทุกคนต้องเรียนรู้และหาแนวทางป้องกันต่อไป