ส.ว.แฉ 4 กลุ่มโยงปล่อยข่าวทุบหุ้นจี้รัฐลงโทษให้หนักเหตุกระทบความมั่นคง

ข่าวทั่วไป Monday October 26, 2009 14:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ตั้งกระทู้ด่วนในที่ประชุมวุฒิสภาต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงปัญหาการปล่อยข่าวลือในตลาดหลักทรัพย์เพื่อหวังจะทุบหุ้น โดยขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างถึงที่สุดด้วยการจับกุมผู้ปล่อยข่าว และต้องดำเนินการตามกฎหมายซึ่งไม่ใช่แค่การปรับเท่านั้น เพราะเรื่องนี้ถือว่าเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ

พร้อมระบุว่า ขบวนการดังกล่าวมีกลุ่มที่เกี่ยวข้อง 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มซ้ายไร้เดียงสาที่หลงยุคกับทฤษฎีมาร์คซิสต์ 2. กลุ่มตุลาฯอกหัก 3.กลุ่มที่จ้องดิสเครดิตรัฐบาล และ 4.กลุ่มหิวเงินที่ต้องการทุนในการเลือกตั้ง ตลอดจนสื่อต่างประเทศที่มีการเขียนบทวิเคราะห์และนำไปเผยแพร่

นายสมชาย ยังต้องการเห็นทุกหน่วยงานร่วมกันบูรณาการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีการทุบหุ้นเกิดขึ้นอีก เพราะเรื่องนี้ทำให้กระทบกระเทือนถึงสถาบัน

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ตอบกระทู้แทนนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า เห็นด้วยกับสมาชิกที่ระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นขบวนการปล่อยข่าวอัปมงคล ซึ่งเกิดผลกระทบอย่างมากต่อการลงทุน และที่ผ่านมาข่าวลือมักเกี่ยวกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยตรง

และกรณีนี้อาจใช้คำว่าละเลยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะหาข้อมูลและข้อเท็จจริงมาอธิบายกับผู้ลงทุนได้ทันเวลา ทำให้ข่าวแพร่กระจายเกินจำเป็น ซึ่งได้ตำหนิทั้ง 2 หน่วยงาน คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ก.ล.ต.) ไปแล้ว

ส่วนขั้นตอนการตรวจสอบนั้นจะดำเนินการใน 2 มิติ คือ การตรวจสอบที่มาของข่าวรวมทั้งผู้เผยแพร่ข่าว และอีกมิติคือใครได้ประโยชน์ในการซื้อขายหุ้นจากข่าวลือดังกล่าว มีการเชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อขายกับผู้ปล่อยข่าวหรือไม่

"เบื้องต้นมีรายงานว่ามีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเทขายมา 1 อาทิตย์ล่วงหน้า โดยบางรายขายมากพิเศษ และในวันที่ข่าวลือปรากฏ มีการซื้อกลับคืนในบัญชีเดียวกัน แต่เพื่อความเป็นธรรมจะยังไม่ขอเปิดเผยนาม" รมว.คลัง ตอบกระทู้

นายกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีการรู้ล่วงหน้าหรือไม่ เพราะวันที่ 15 ต.ค.ที่กลับเข้ามาช้อนซื้อก็มีข้อเท็จจริงปรากฏว่าข่าวลือไม่เป็นจริงจึงอาจกลับมาซื้อโดยธรรมชาติ ซึ่งก็ได้มอบหมายให้ ก.ล.ต.ไทยประสานกับ ก.ล.ต.ต่างประเทศ รวมทั้งให้สันติบาลเข้ามาตรวจสอบแล้วเพื่อดูเจ้าของบัญชีที่แท้จริงและบุคคลต้องสงสัยเป็นพิเศษ

"ชื่อย่อเสี่ยโน้น เสี่ยนี้ คนเหล่านี้มีบทบาทการซื้อขายหุ้นทุกวันอยู่แล้วในปริมาณเม็ดเงินที่ค่อนข้างสูง ถามว่าผิดปกติหรือไม่ ถือว่าค่อนข้างสูงแต่ไม่ผิดปกติ แต่ข้อมูลเหล่านี้จะรู้ว่าใครได้ประโยชน์ ใครได้กำไร" นายกรณ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ