นายกฯ กำชับเร่งออกโฉนดที่ดินชุมชนให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.พ.นี้

ข่าวทั่วไป Monday February 1, 2010 17:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ที่มีวาระการหารือเรื่องปัญหาการรุกที่ดินในหลายจังหวัด และก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยนายกรัฐมนตรีกำชับหน่วยงานดูแลไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่รัฐ และจัดส่งกำลังตำรวจตระเวนชายแดนดูแลความปลอดภัย เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดการปะทะจากข้อพิพาทซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก

นอกจากนี้ ยังเร่งให้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินชุมชน และตรวจสอบความถูกต้องการถือครองที่ดิน การแก้ไขปัญหาการออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับที่ดินทำกินชาวบ้านให้แล้วเสร็จเดือนก.พ.นี้ แต่ส่วนของผู้บุกรุกที่ดินรายใหม่ จะต้องดำเนินการให้ออกจากพื้นที่โดยเด็ดขาด

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมพิจารณาการแก้ปัญหาในหลายเรื่อง เช่น เรื่องสวนป่าคอนสาร จ.ชัยภูมิ, เรื่องปัญหาข้อพิพาทที่ดิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งรัฐบาลเข้าไปดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาข้อขัดแย้ง เพราะมีการดำเนินการกันถึงขั้นเอาชีวิตกัน โดยในส่วนของผู้ที่เสียชีวิตนั้นทายาทได้รับเงินจากกรมคุ้มครองสิทธิฯ ตามข้อเรียกร้องไปเรียบร้อยแล้ว ในเรื่องการแก้ไขปัญหากรณีการออกโฉนดชุมชน และเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะราย เช่น กรณีปัญหาสหกรณ์การเช่าที่ดินคลองโยง จ.นครปฐม ซึ่งจากการประชุมหารือเรื่องนี้มีความคืบหน้าค่อนข้างมาก แต่ที่ยังมีปัญหามากในขณะนี้คือการดำเนินการของคณะอนุกรรมการชุดที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการอยู่ ชาวบ้านจึงขอให้นำมติที่ประชุมวันนี้ไปรายงานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระเพื่อทราบ เพื่อให้มีผลผูกพันกับการทำงานของทุกหน่วยงาน

รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาที่ยังต้องแก้ไขต่อ คือ กรณีการประกาศพื้นที่อุทยานทับพื้นที่ของชาวบ้านที่ทำกินอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งกรณีนี้คณะกรรมการอำนวยการฯ มีแนวทางว่าหากชาวบ้านร้องว่าตัวเองมีสิทธิอยู่ก่อน ก็ขอให้มีการทุเลาการดำเนินการไปก่อน เพื่อที่จะตรวจสอบเรื่องของสิทธิให้ถูกต้องและต้องเร่งดำเนินการ แต่หากกรณีใดที่เห็นว่าน่าจะให้ชาวบ้านมีสิทธิเข้าไปทำกินก็ขอให้แก้ไขปัญหาโดยใช้รูปแบบโฉนดชุมชน เพราะเรื่องโฉนดชุมชนขณะนี้อยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งจะพยายามเร่งให้แล้วเสร็จในเดือนนี้ส่วนกรณีที่เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ต่อกรณีที่บุกรุกใหม่ ก็ขอให้ดำเนินการโดยเด็ดขาด

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ชาวบ้านติดใจ คือการจับกุมชาวบ้านฟ้องดำเนินคดีอาญาและมีการฟ้องแพ่ง แล้วเรียกเงินจำนวนมาก ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้ใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย โดยในกรณีทุนทรัพย์ไม่เกินจำนวน 2 ล้านบาทให้อัยการร่วมกับส่วนราชการพื้นที่ทำการไกล่เกลี่ยได้ กรณีทุนทรัพย์เกิน 2 ล้านบาท กระทรวงการคลังกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะดูแลไกล่เกลี่ย เพราะชาวบ้านบางคนที่ถูกฟ้องเป็นรายเล็กไม่มีเงิน แต่ถูกฟ้องเรียกรายละ 2 - 3 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ