นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึง สถานการณ์ภัยแล้ง ว่า ขณะนี้ มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง รวม 29 จังหวัด 224 อำเภอ 1,526 ตำบล 11,000 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 3,842,144 คน 976,935 ครัวเรือน เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 มีจังหวัดที่ประสบภัยแล้งรวม 25 จังหวัด 157 อำเภอ 955 ตำบล 7,419 หมู่บ้าน พื้นที่ประสบภัยแล้งปี 2553 มากกว่าปี 2552 จำนวน 4 จังหวัด 67 อำเภอ 571 ตำบล 3,581 หมู่บ้าน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 48.27
คาดว่าพื้นที่การเกษตรจะได้รับความเสียหาย รวม 112,951 ไร่ แยกเป็น พืชไร่ 109,030 ไร่ นาข้าว 3,431 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 490 ไร่ แยกเป็น ภาคเหนือ 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย ตาก น่าน พะเยา แพร่ ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ พิจิตร รวม 100 อำเภอ 646 ตำบล 4,388 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,056,150 คน 352,720 ครัวเรือน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี รวม 75 อำเภอ 599 ตำบล 4,827 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,743,584 คน 403,902 ครัวเรือน
ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี รวม 15 อำเภอ 98 ตำบล 680 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 147,941 คน 42,985 ครัวเรือน ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา และจันทบุรี รวม 20 อำเภอ 114 ตำบล 742 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 749,932 คน 133,680 ครัวเรือน ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นครศรีธรรมราช สตูล และระนอง รวม 14 อำเภอ 69 ตำบล 363 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 144,537 คน 43,647 ครัวเรือน สำหรับการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาภัยแล้งและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2553 ส่วนกลาง ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมประสานให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ในลักษณะเดียวกับส่วนกลางทั้งระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น เพื่อบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว
ในเบื้องต้นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สนับสนุนรถบรรทุกน้ำ 264 คัน แจกจ่ายน้ำอุปโภค บริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยแล้งไปแล้วจำนวน 35,997,650 ลิตร ซ่อมสร้างทำนบ ฝายชั่วคราวปิดกั้นลำน้ำ 2,239 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำ 475 แห่ง
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ โดยเฉพาะเกษตรกรควรปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย และวางแผนการเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการน้ำที่จังหวัดกำหนด