พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า จะดำเนินการออกหมายเรียกบุคคลที่เดินทางไปปิดล้อมบริเวณหน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรี จากที่วานนี้ได้มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำรถจักรยานยนต์ประมาณ 300-400 คันไปรวมตัวอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านนายกรัฐมนตรี เพื่อต้องการเข้าไปตรวจค้นว่านายกรัฐมนตรีอยู่ในบ้านพักหรือไม่
โดยเตรียมจะออกหมายเรียกบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องต่อไป ทั้งบุคคลที่ไปร่วมชุมนุมและบุคคลที่อยู่บนรถขยายเสียงที่มีการพูดคุยกับทางผู้ชุมนุมด้วย
"การกระทำของกลุ่มผุ้ชุมนุมถือว่าเป็นการฝ่าฝืนตามประกาศของศอฉ. ฉบับที่ 8 เม.ย.ที่มีการห้ามนำยานพาหนะมากีดขวางการจราจรและจะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท โดยจะรวบรวมพยานหลักฐานจากภาพถ่ายวิดิโอ จากการะทำ และจะมีการติดต่อเรียกตัวผู้กระทำผิดต่อไป"
อย่างไรก็ตาม วานนี้ได้มีการตั้งด่านของตำรวจปราบจลาจลสกัดกั้นทั้งบริเวณถนนสุขุมวิท ปากซอยสวัสดี
ในส่วนของแผนรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ ได้มีการปรับแผนอยู่ตลอดเวลา เน้นงานทางด้านการข่าว โดยจะมีการปรับงานการข่าวเพื่อให้รับทราบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางเข้ามาบริเวณหน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรีก็จะมีการปิดการจราจรเป็นบางครั้ง ส่วนจะตัดสินใจเข้าพักหรือเปลี่ยนที่พักขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีเอง
ส่วนกรณีที่มีการดำเนินการจับกุม นปช.จำนวน 8 คนที่ฝ่าฝืนประกาศของ ศอฉ.นั้น มี 1 รายที่ได้ดำเนินคดีไปแล้วในเรื่องของการทำให้เสียทรัพย์และพกพาอาวุธ ส่วนอีก 7 รายอยู่ระหว่างตรวจสอบและดำเนินการออกหมายเรียกต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี กล่าวถึงกรณี นปช.จำนวนประมาณ 500 คนปิดกั้นนายตำรวจจาก นครพนม ชัยนาท และลพบุรี ที่จะเดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพมหานคร จนส่งผลให้เกิดการจรจาติดขัด ซึ่งได้มีการเจรจาจนสุดท้ายตำรวจได้ถอนกำลังกลับไปยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งยอมรับว่า ถอนกำลังออกไปเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายหรือเกิดการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน่าที่ตำรวจ แต่หลังจากนี้คงจะมีการดำเนินการตามกฎหมาย โดยจะออกหมายเรียกบุคคลที่กระทำความผิดต่อไป
อย่างไรก็ตาม การจะเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจในครั้งต่อไป จะมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ พร้อมยืนยันว่าตำรวจที่เดินทางกลับทุกคนไม่ได้ใส่เกียร์ว่าง แต่ทั้งหมดจะปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติตามคำสั่งต่อไป