นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประเมินสถานการณ์ในช่วง 3 เดือนข้างหน้ายอมรับว่า ยังมีความเป็นห่วงบ้านเมือง เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังมีความละเอียดอ่อน แต่เชื่อว่าหากสามารถกระตุ้นพลังทางสังคมที่ต้องการให้เกิดความสงบสุขเป็นพลังหลักของบ้านเมืองน่าจะมีส่วนช่วยให้ผ่านไปได้ พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลต้องการเป็นบ้านเมืองเกิดความสงบสุข จึงจะนำไปสู่ความปรองดองได้ แต่ถ้ายังเกิดปัญหาอยู่ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะเกิดการเลือกตั้งใหม่
"ผมไม่ใช่หมอดู ผมประเมินว่าสถานการณ์ยังมีความละเอียดอ่อน เราไม่ประมาท ผมคิดว่าสังคมได้บทเรียนมาเยอะ ในช่วงทีผ่านมา ถ้าเราสามารถกระตุ้นความเข้มแข็งของสังคมไทย โดยเฉพาะพลังที่ต้องการให้เกิดคตวามสงบสุขให้เป็นพลังหลักของบ้านเมืองได้ ผมคิดว่าสามารถผ่านสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนตรงนี้ไปได้" นายกฯ กล่าว
ส่วนในช่วงหลังปีใหม่ทั้งทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ยังคงเดินหน้าการชุมนุม นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าทั้ง 2 กลุ่มยังสามารถที่จะชุมนุมได้หากอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และอยู่ภายใต้ความสงบ หากออกนอกขอบเขต รัฐบาลคงจะไม่ปล่อยให้มีการชุมนุมเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะได้มีการติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
กรณีการยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีข่าวว่าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แสดงการคัดค้านการประกันตัวนั้น นายกฯ มองว่า เป็นดุลยพินิจของศาลที่จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถเข้าไปสั่งว่าจะคัดค้านหรือให้การประกันตัวใครได้ ส่วนกรณีที่อธิบดี ดีเอสไอ แสดงความเป็นห่วงนั้นอาจเป็นเพราะอาจมีข้อมูลบางอย่าง ซึ่งเชื่อว่ายังมีหลายคนที่ยังถูกคัดค้านการประกันตัว
"กรมสอบสวนคดีพิเศษจะค้านหรือไม่ค้านใคร ขึ้นกับข้อมูลของเขา เรื่องที่เกิดผมเข้าใจว่าเขาคงจะค้านหลายคน...ผมเข้าใจว่าที่ลงข่าวจะให้ 104 คน ไม่ให้ 7-8 คนมันไม่ใช่หน้าที่ของครม.ที่จะมาไล่ดูว่า นาย ก. ควรจะได้หรือไม่ได้ นาย ข. ควรจะค้านหรือไม่ค้านเราให้หลักเกณฑ์เฉยๆ" นายกฯ กล่าว
ทั้งนี้ นายกอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การพูดคุยกับนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่ม นปช.เป็นความต้องการของทางรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยและทำให้ทุกอย่างถูกต้องปฎิบัติตามหลักของกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องการนิรโทษกรรมและผู้ที่ถุกควบคุมตัวบางคนยังไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิดก็เป็นสิทธิที่จะสามารถได้รับการประกันตัว
ส่วนผู้ที่ถุกตัดสินไปแล้ว คงขึ้นกับดุลพินิจของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งจะมีการตัดสินเหมือนผู้ที่ถูกคุมขังกรณีอื่นๆ
"เจ็บตัวมั้ย ต้องเรียนว่า งานปรองดองทั้งหมดเจ็บแน่ ถ้าไม่เจ็บแปลว่าไม่ได้พยายามทำอะไร ง่ายที่สุดก็ปล่อยตามสภาพ โกรธกันเหมือนเดิม ขัดแย้งกันเหมือนเดิม ถ้าอยากปรองดองต้องมีการรับฟัง โอนอ่อนผ่อนตาม โดยไม่เสียหลัก" นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดคุยกับนางธิดา