Analysis: นักวิเคราะห์ชี้การลาออกของ"มูบารัค"อาจเปลี่ยนดุลอำนาจในโลกอาหรับ

ข่าวต่างประเทศ Monday February 14, 2011 15:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มูฮัมหมัด อู รัมมาน นักวิเคราะห์ด้านการเมืองของจอร์แดน กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า การลาออกของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค จะช่วยนำประชาธิปไตยมาสู่อียิปต์ซึ่งเป็นประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาหรับ และอาจจะทำให้ดุลอำนาจในโลกอาหรับเปลี่ยนแปลงไปด้วย

"นี่เป็นยุคใหม่ของอียิปต์และโลกอาหรับ เราจะได้เห็นระบอบการปกครองใหม่ในอียิปต์ที่จะไม่มีการกดขี่ปราบปราม และจะมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ผมมีมุมมองที่เป็นบวกมากต่ออนาคตของอียิปต์ และผมคิดว่าโลกอาหรับยุคใหม่กำลังรอเราอยู่" รัมมานกล่าว

ขณะที่ ฟาฮัด ฮีตาน นักวิเคราะห์ด้านการเมืองและบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ Al Arab Al Yawm ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกันว่า "การลาออกขอมูบารัคจะนำเสรีภาพและประชาธิปไตยมาสู่โลกอาหรับ"

ฮีตานยังกล่าวด้วยว่า "กลุ่มประเทศอาหรับที่วางตัวเป็นกลางระส่ำระสายทันทีที่มูบารัคหมดอำนาจ เพราะมูบารัคเป็นเสมือนเสาหลักของประเทศกลุ่มนี้ นอกจากนี้ การลาออกของมูบารัคซึ่งเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐและมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับอิสราเอล อาจทำให้กระบวนการสันติภาพมาถึงทางตัน เนื่องจากอียิปต์อาจต้องวางตัวกับอิสราเอล ในสถานะใหม่"

ด้านนายบาสเซ็ม เวซี คอลัมนิสต์จากหนังสือพิมพ์ Al Ghad กล่าวว่า การปฏิรูปในอียิปต์ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทั่วโลกทั้งในด้านความมุ่งมั่นและความเข้าใจในประชาธิปไตย

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การลาออกของมูบารัค จะสนับสนุนให้ประเทศอื่นๆในโลกอาหรับหันมาให้ความสนใจกับการปฏิรูปและเรียนรู้บทเรียนต่างๆจากการปฏิรูปในอียิปต์และตูนิเซีย

ฟาฮัด ฟาเนค คอลัมนิสต์จากหนังสือพิมพ์ Al Rai กล่าวว่า ความคืบหน้าในอียิปต์และตูนิเซียสมควรนำมาเป็นกรณีศึกษา พร้อมกับย้ำว่า กุญแจสำคัญที่นำไปสู่การแก้ไขความไม่พอใจของสาธารณะชนในโลกอาหรับ คือ การใช้มาตรการต่อต้านการทุจริต

"ความคืบหน้าอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในอียิปต์และตูนิเซียควรนำมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาในอนาคต การหมดอำนาจของมูบารัคหลังจากการประท้วงยาวนานถึง 18 วันของคนรุ่นใหม่นั้น จะส่งผลกระทบต่อดุลอำนาจในโลกอาอาหรับ" ฟาเนคกล่าว

ที่ผ่านมานั้น ชาติอาหรับได้ผลักดันให้มีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดสันติภาพในตะวันออกกลางตามมติที่ประชุมมาดริด และมติสากล

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การลาออกของมูบารัคอาจทำให้อิสราเอลกลายเป็น "ป้อมปราการ" ที่แสดงหาความมั่นคงของตนเองในทุกสถานการณ์

"ผมคิดว่ากระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางอาจต้องเผชิญกับความยุ่งยากมากขึ้นในอนาคต อิสราเอลจะกลายเป็นป้อมปราการ และจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาสันติภาพและกระบวนการสันติภาพ" อาบู รัมมานกล่าว

"ผมคาดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอียิปต์และอิสราเอลจะหยุดชะงักลง ความสัมพันธ์กับอิสราเอลในอนาคตจะไม่เป็นเหมือนกับในยุคสมัยของมูบารัค กระบวนการสันติภาพซึ่งปัจจุบันกำลังชะงักงันอยู่นั้น จะต้องใช้เวลาอีกนาน" ฮีตานกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ