นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า กรณีมีการจัดตั้งหมู่บ้านคนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคเหนือเกิดจากความอ่อนแอของรัฐบาลที่ปล่อยปละละเลยทอดทิ้งให้ประชาชนถูกชักนำด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตไม่ว่าขั้วการเมืองใดจะได้รับชัยชนะการเลือกตั้งก็ตาม เพราะรัฐบาลไม่สามารถสร้างความชัดเจนเรื่องคนชุดดำที่ใช้อาวุธสงครามช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และทำให้ประชาชนรู้ข้อเท็จจริงถึงสาเหตุการเสียชีวิตของตำรวจ ทหาร และประชาชนรวม 91 ราย
"สถานการณ์เช่นนี้ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กลับตัดสินใจหนีปัญหายุบสภา ไม่ทำให้เรื่องเหล่านี้คลี่คลายเสียก่อนโดยกระบวนการยุติธรรม หรือแม้แต่การเริ่มพิสูจน์ข้อเท็จจริง การนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อทั้งของรัฐบาลและสื่อของคนเสื้อแดงเป็นการปลุกระดมและสร้างความเกลียดชังให้มากกว่าจะคลี่คลายไขความกระจ่างให้สังคมได้รับรู้ และเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็ยิ่งไม่มีหนทางที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้ได้รับความกระจ่างเลย" นายปานเทพ กล่าว
โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า ช่วงหาเสียงเลือกตั้งพบการทุจริตซื้อสิทธิ์ขายเสียงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ มีขบวนการทำลายป้ายหาเสียง โดยเฉพาะของภาคประชาชนและพรรคเพื่อฟ้าดิน อีกทั้งยังมีการใช้อิทธิพลข่มขู่คุกคามหัวคะแนนและผู้สมัครจนต้องมีการขอกำลังตำรวจอารักขาในหลายพื้นที่ ทั้งหมดเป็นการแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะความอ่อนแอในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบควบคุมการเลือกตั้ง ซึ่งจากผลสำรวจของกรุงเทพโพลล์ระบุว่ามีประชาชนมากถึงร้อยละ 66 ไม่เชื่อมั่นว่า กกต.จะสามารถควบคุมการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้ ภาคประชาชนจึงเห็นว่าจากผลลัพธ์ดังกล่าว กกต.จึงจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไขการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และหาก กกต.ไม่สามารถทำได้ก็สมควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกทั้งหมด
"บรรยากาศเลือกตั้งที่ไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ กกต.ก็ควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อเป็นการยุติความขัดแย้งที่จะก่อตัวเป็นปัญหาในอนาคต" นายปานเทพ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวรณรงค์โหวตโนของภาคประชาชนว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคเพื่อไทย และมีการรับเงินมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า ภาคประชาชนรณรงค์โหวตโนโดยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่ยอมรับการนิรโทษกรรมเด็ดขาด และจะต่อต้านจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน เพื่อปกป้องทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม ทั้งนี้เจตนารมณ์ของการโหวตโนคือ การสร้างอำนาจต่อรองของประชาชน ไม่ยอมรับการลุอำนาจใช้เสียงข้างมากในสภา เพราะที่ผ่านมามีบทพิสูจน์แล้วว่า ภาคประชาชนสามารถทำหน้าที่ในการต่อต้านสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้มากกว่าพรรคการเมืองเสียงข้างน้อยที่ต้องพ่ายแพ้ในสภา
"การโหวตโนเป็นทางออกสุดท้ายของภาคประชาชนในการลุกขึ้นปกป้องประเทศและสถาบัน ป้องกันการที่นักการเมืองแอบอ้างการใช้เสียงข้างมากในสภาสร้างความชอบธรรมให้แก่ตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องยุติโดยการโหวตโน สร้างอำนาจให้ประชาชน เปิดเวทีในการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ โดยสันติวิธี และอาจจะไม่ต้องมีการชุมนุม หรือเสียเลือดเสียเนื้อกันอีก ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งขึ้นอีกในอนาคตและจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย" นายปานเทพ กล่าว
โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงการออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมืองและการเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ทางสถานีโทรทัศน์ในเครือกองทัพบก ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน รวมทั้งแสดงท่าทีในการปกป้องสถาบัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การออกมาในช่วงใกล้เลือกตั้งนั้นก็คงหนีไม่พ้นถูกสังคมตั้งคำถามว่าต้องการชี้นำไปในทิศทางใดหรือไม่
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวพาดพิงถึงสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมของคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดงนั้น โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะไปกล่าวโทษทีวีคนเสื้อแดงอย่างไรก็สามารถทำได้ แต่การพูดถึงเอเอสทีวีนั้นต้องเข้าใจว่า เอเอสทีวีเกิดขึ้นจากศรัทธาของประชาชน และทำหน้าที่เปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสังคม มีจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขณะที่รัฐบาลและกองทัพทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะด้านความมั่นคงอธิปไตยของชาติ ซึ่งหากที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ปล่อยให้ปัญหาลุกลามปลายบานมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่เอเอสทีวีต้องออกมาทำหน้าที่
"กองทัพสมควรที่จะสนับสนุนเอเอสทีวีด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาสื่อของรัฐหรือสื่อของกองทัพก็ไม่ได้ทำหน้าที่เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์อย่างเพียงพอ ภาคประชาชนจึงต้องทำหน้าที่แทน รวมไปถึงการทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ ที่ฟรีทีวีต้องพิสูจน์ให้ได้ หากสื่อของรัฐทำได้ครบถ้วน สื่อทางเลือกก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป และเมื่อทำให้ประชาชนได้เข้าใจในข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ความมั่นคงของประเทศก็จะกลับมา" นายปานเทพ กล่าว
โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามชี้นำให้ประชาชนเลือกตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง และเลือกคนดี เพื่อเป็นการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไม่ลืมว่า ที่ผ่านมา 2 ปีกว่าของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นช่วงที่มีการจาบจ้วงสถาบันมากที่สุด และมีการขยายตัวในทางรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วการเลือกคนดีหรือพรรคการเมืองเข้าไปในสภา ก็ไม่สามารถยุติปัญหาของประเทศชาติได้อย่างแน่นอน