นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 9 พรรคเพื่อไทย(พท.) และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ใช้ช่องทางผ่านทางเฟซบุ๊คระบุถึงบทความนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยตั้ง 13 คำถามพร้อมกับตอบโต้ตอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา
1.กรณีที่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าความรุนแรงเริ่มตั้งแต่ปี 52 ที่มีการล้มประชุมอาเซียน โดยจงใจไม่กล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินที่มาดักทำร้ายคนเสื้อแดงระหว่างทางกลับจากการยื่นหนังสือ คนพวกนั้นเป็นชายฉกรรจ์ผมเกรียนมีปืน มืด และไม้เป็นอาวุธ ทำให้คนบาดเจ็บหลายราย กลุ่มคนดังกล่าวบัญชาการโดยผู้มีอิทธิพลในพรรคร่วมรัฐบาลที่ปรากฎตัวพร้อมรองนายกรัฐมนตรีในคืนก่อนเกิดเหตุ ซึ่งนายณัฐวุฒิระบุว่าความรุนแรงเริ่มต้นตรงนี้
2.ส่วนข้อสรุปเหตุการณ์ว่าชาวบ้านนางเลิ้ง 2 คนเสียชีวิตเพราะตกเป็นเหยื่อของการชุมนุม นายณัฐวุฒิ ระบุว่าผ่านมากว่า 2 ปีคดีนี้คืบหน้าไปถึงไหน ได้ตัวคนทำความผิดหรือยัง ถ้ายังนายอภิสิทธิ์สรุปได้อย่างไรว่าเป็นเหยื่อของการชุมนุม ทำไมไม่พูดความจริงด้วยว่ามีคนเสื้อแดง 2 คนกลายเป็นศพถูกมัดมือไพล่หลังลอยน้ำเจ้าพระยา และคดีนี้มีผลการสืบสวนเป็นอย่างไร
3.มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความจริงเรื่องนี้ แต่เหตุใดจึงไม่รายงานผลต่อประชาชน นายอภิสิทธิ์จงใจปกปิดความจริงอยู่ใช่หรือไม่
"ผมเชื่อว่าถ้ามีการเปิดเผยความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในเหตุการณ์สงกรานต์เลือดปี 52 น่าจะมีส่วนช่วยอย่างสำคัญที่จะป้องกันเหตุสูญเสียครั้งใหญ่ในปีต่อมา แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ยอมพูดความจริงแล้วจะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร"นายณัฐวุฒิ ระบุ
4. การบอกว่าเหตุการณ์ปี 53 เริ่มจากการตัดสินยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แสดงว่านายอภิสิทธิ์ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับการวาดภาพปีศาจใส่ฝ่ายตรงข้ามเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ตนเองยืนยันว่าเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่การขับไล่รัฐบาลทักษิณจนถึงนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องเดียวกัน การยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีผลใดๆเลยต่อการต่อสู้ในปี 53 การทำลายประชาธิปไตยและระบบยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่างหากเป็นสาเหตุที่แท้จริง
5. การเทียบเคียงคดีซุกหุ้นกับคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่ออธิบายว่าถ้าตัดสินได้ประโยชน์พอใจ ถ้าไม่ก็คือสองมาตรฐาน เป็นตรรกะหน้าไม่อาย เพราะคดีซุกหุ้นเริ่มก่อนพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ มีกระบวนการตามระบบปกติจนถึงวันตัดสิน แต่คดียึดทรัพย์เกิดหลังรัฐประหาร โดยตั้งต้นจากคตส.ซึ่งรวมเอาคนเกลียดทักษิณมาเป็นกรรมการ
"คุณอภิสิทธิ์แยกแยะคำว่าเผด็จการกับประชาธิปไตยเป็นไหมครับ"นายณัฐวุฒิ ตั้งคำถาม
6. การอ้างว่าพยายามอย่างที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงในปี 53 เป็นคำพูดเอาแต่ได้ เพราะข้อเรียกร้องของประชาชนคือการยุบสภา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ไม่มีความชอบธรรมจะดำรงตำแหน่งนายกฯ ตั้งแต่ต้น คำยืนยันของนายชุมพล ศิลปอาชา เรื่องพลังที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือใบเสร็จเรื่องนี้ การอ้างว่าอยู่เพื่อแก้ปัญหาวันนี้ก็ชัดแล้วว่าร้ายแรงกว่าเก่ายอมรับเถิดว่าการฆ่าไม่สามารถทำให้ชนะได้
7. ยืนยันว่านปช.ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ถ้านายอภิสิทธิ์บอกว่ามี ก็อยากเห็นหน้าว่าเป็นใคร ใช่คนที่ถูกยิงตายมือเปล่ากลางถนนไหม หรือรัฐบาลจับเอาไปขังไว้ที่ไหน การที่คนเสื้อแดงไม่เรียกร้องให้ยุบสภาอีกหลังเหตุการณ์ เพราะรู้แล้วว่าไร้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ยึดติดกับอำนาจยิ่งกว่าชีวิตประชาชน จะเรียกร้องอย่างไรก็คงไม่เป็นผล และที่สำคัญคือประชาชนยังไม่อยากตาย
8. เหตุการณ์ 10เม.ย. ไม่ใช่การสลายการชุมนุมตามหลักสากล
"มีที่ไหนบ้างใช้เฮลิคอปเตอร์โยนแก๊สน้ำตาลงกลางเวทีที่มีทั้งผู้หญิงและคนแก่จำนวนมาก มีคนถูกยิงตายรายแรกราว 16.00-17.00 น.ข่าวช่อง tpbs เขาสัมภาษณ์หมอคนหนึ่งซึ่งบอกมาตามนั้น ไม่ใช่การขอคืนพื้นที่ แต่เป็นการปราบปรามประชาชนข่าวรายงานว่านายทหารใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่าต้องให้จบในคืนนั้น ไม่มีตรงไหนอธิบายว่าคุณอภิสิทธิ์พยายามยุติปฏิบัติการ"นายณัฐวุฒิ กล่าวอ้าง
9. จนเหตุการณ์บานปลายเอาไม่อยู่จึงมีการเจรจาระหว่างตนกับนายกอร์ปศักดิ์ ซึ่งพร้อมจะให้ความร่วมมือในการยุติความรุนแรงทันที มีคนตายทั้งทหารและประชาชน 20 กว่าชีวิต ปัญหาคือเราบอกได้ว่าคนตายคนไหนเป็นทหาร แต่ไม่มีใครระบุได้ว่าใครคือชายชุดดำใครคือผู้ก่อการร้าย เพราะทุกคนที่ตายไม่มีอาวุธและมีหลักแหล่งครอบครัวชัดเจน ทุกคนมีญาติพี่น้อง แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีคำอธิบายจากรัฐบาล
10. นายอภิสิทธิ์บอกว่าช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นและในคืนนั้นไม่อาจหลับตาลงได้แม้แต่นาทีเดียว ขณะที่ทุกชีวิตที่ตายไม่มีใครตาหลับเลยจนถึงวันนี้เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตายไม่รู้ว่ากระสุนสไนเปอร์มาจากทางทิศไหน และตายไปแล้วดวงวิญญาณก็ยังมองไม่เห็นความยุติธรรมจะปรากฏแต่อย่างใด หลังจากเหตุการณ์นั้นทุกวันที่นอนหลับนายอภิสิทธิ์ฝันเห็นพี่น้องเสื้อแดงที่ตายบ้างไม่
11. นายณัฐวุฒิ ระบุว่า"ผมเป็นแกนนำคนเสื้อแดง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ขณะนี้ผมเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ถ้าผิดจริงโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ผมยินดีต่อสู้คดีโดยไม่มีเงื่อนไข คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯคิดว่าต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้บ้างไหม มีทหารออกมาอาวุธครบมือแล้วประชาชนถูกยิงตายกลางเมืองหลวงเกือบ 100 ศพ คุณอภิสิทธิ์ทำได้แค่อยู่ต่ออีกเกือบปีแล้วยุบสภามาชวนประชาชนเดินหน้าต่อไป เท่านั้นหรือ" 12. นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธตลอดมาว่าไม่ได้ทำ ไม่รู้ไม่เห็น ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อนอาจจะเชื่อ แต่พอมีการปฏิเสธเรื่องความร่วมมือกับพันธมิตรและเรื่องอำนาจพิเศษตั้งรัฐบาล รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์พิเศษกับศาลรัฐธรรมนูญ จึงยอมรับว่าไม่กล้าเชื่ออีกเลย และถามว่านายอภิสิทธิ์ยังจำสิ่งที่พูดไว้กับนายกฯสมชายเมื่อ 9 ต.ค.50 หลังเหตุการณ์พันธมิตรบุกสภาได้บ้างหรือไม่
13. นายอภิสิทธิ์บอกว่าจะเขียนอีก นายณัฐวุฒิก็ระบุว่าจะร่วมเขียนด้วยอีก และอยากบอกว่าบางทีการพูดความจริงอาจทำให้ตัวเองเจ็บปวด แต่ถ้าเป็นผู้นำแล้วไม่พูดความจริงทำให้ประชาชนเจ็บปวดเวลาพูดขอให้สบตาประชาชนบ้าง