เลือกตั้ง'54:พีเน็ตเปิดโอกาส 6 พรรคการเมืองโชว์วิสัยทัศน์แก้ปัญหาประเทศ

ข่าวการเมือง Thursday June 23, 2011 12:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในเวทีดีเบต 6 พรรคการเมือง ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย(พีเน็ต) ซึ่งประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย, พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทย, พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคมาตุภูมิ ได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ของแต่ละพรรคการเมืองใน 5 ประเด็น คือ 1.ด้านเศรษฐกิจ ในเรื่องการดูแลค่าครองชีพและราคาสินค้า 2.ด้านสังคม เกี่ยวกับการแก้ปัญหายาเสพติด 3.ด้านการศึกษา เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา 4.ด้านความมั่นคง เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างยั่งยืน และ 5.ด้านการเมือง เกี่ยวกับการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์

*การดูแลค่าครองชีพและราคาสินค้า

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า พรรคฯ จะดูแลให้ผลผลิตทางการเกษตรมีราคาดี และเพิ่มผลผลิตเพื่อส่งออกไปต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันมีนโยบายจะซื้อพลังงานจากแหล่งผลิตในตะวันออกกลางเพื่อให้ได้ราคาถูก ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตร และเห็นด้วยกับนโยบาย 2 สูงของนักธุรกิจรายใหญ่ คือ ทำให้สินค้าเกษตรมีราคาสูง และทำให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น

นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ในการแก้ปัญหาค่าครองชีพนั้น ถ้ารัฐบาลสามารถบริหารจัดการได้ดี มีการประมวลข้อมูลอย่างถูกต้องก็เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขได้ ส่วนการดูแลราคาสินค้านั้น จะให้สินเชื่อแก่ผู้ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะทำให้ลดต้นทุนการผลิต และนำมาซึ่งราคาสินค้าที่ถูกลง ขณะเดียวกันต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่ถือเป็นตัวสร้างรายได้เข้าประเทศในอัตราสูง ซึ่งเมื่อมีเม็ดเงินจากการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวกระจายลงไปในแต่ละพื้นที่ ก็จะช่วยให้ประชาชนในท้องถิ่นมีรายได้มากขึ้น ทำให้รัฐสามารถจัดเก็บรายได้ได้มากขึ้นด้วย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันเรื่องการเดินหน้าโครงการประกันรายได้ให้เกษตรกร เพราะเชื่อว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์อีกทั้งไม่บิดเบือนกลไกตลาด และช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จและช่วยเกษตรกรสามารปลดหนี้ได้ ส่วนการดูแลค่าครองชีพ ยืนยันว่าจำตรึงราคาสินค้าเท่าที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นก๊าซหุงต้ม และดีเซล เพราะสินค้าทั้ง 2 ตัวนี้เป็นต้นทุนสำคัญของสินค้าอีกหลายรายการ หากไม่ตรึงราคาไว้จะทำให้สินค้าอีกหลายรายการปรับขึ้นได้

นายปิยะพันธ์ จำปาสุต ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า นโยบายของพรรคในเรื่องนี้คือ การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และการใช้นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ขณะเดียวกันพรรคฯ มีนโยบายเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของที่ดินทำกิน และเพิ่มพื้นที่ชลประทานของประเทศให้มากขึ้น ซึ่งเมื่อเกษตรกรมีที่ดินทำกินของตัวเอง มีระบบชลประทานที่ดีย่อมทำให้ผลผลิตทางการเกษตรต่อไร่เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตลดลง และสร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้นในที่สุด

นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ก่อนอื่นต้องทำให้ประชาชนไม่เป็นหนี้ ซึ่งพรรคฯ มีนโยบายล้างหนี้กองทุนหมู่บ้านให้แก่ประชาชนที่กู้หนี้ยืมสินจากกองทุนดังกล่าว ขณะเดียวกันยังเห็นด้วยกับการเดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกร และมีแนวคิดจะประกันรายได้พืชผลทางการเกษตรอีกหลายชนิด ส่วนการดูแลราคาสินค้านั้น มีนโยบายลดภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ลงเหลือ 5% จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ 7% ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าถูกลง โดยเม็ดเงินที่หายไป 1.5 แสนล้านบาทจากการลดภาษีนี้จะกลับเข้ามาอยู่ในกระเป๋าของประชาชน

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคมีนโยบายในการทำบัตรสินเชื่อเพื่อเกษตรให้สามารถนำไปใช้จ่ายในการซื้อปัจจัยการผลิตได้ ขณะเดียวกันหนี้สินของประชาชนที่ไม่เกินครัวเรือนละ 5 แสนบาทนั้น จะพักชำระหนี้ให้ 3 ปี ส่วนที่เกิน 5 แสนบาทจะปรับโครงสร้างหนี้ให้ ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยลดการเป็นหนี้ของเกษตรกร และแก้ปัญหาจากการถูกตกเขียวได้ อย่างไรก็ดี พรรคฯ ยังมองว่าการจำนำราคาข้าวยังเป็นระบบที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่เกษตรกรมากกว่า โดยตั้งเป้าการรับจำนำราคาข้าวขาวไว้ที่ 15,000 บาท/ตัน และข้าวหอมมะลิที่ 20,000 บาท/ตัน

*การแก้ปัญหายาเสพติด

นายยงยุทธ กล่าวว่า พรรคจะยึดหลัก 3 ประการ คือ ป้องกัน, ปราบปราม และบำบัด ซึ่งแนวทางป้องกันคือต้องให้ความรู้แก่เยาวชนให้เห็นโทษ และปลูกฝังความรู้สึกเกลียดกลัวยาเสพติด ในด้านการปราบปรามนั้นจะให้แต่ละชุมชนจัดตั้ง "ตาสับปะรด" เพื่อเป็นหูเป็นตาและช่วยเอ็กซเรย์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในแต่ละชุมชน การสอดส่องดูแลไม่ให้มีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านมาตามแนวชายแดน ส่วนการบำบัดนั้น จะเพิ่มบุคลากรด้านสาธารณสุขให้ดูแลเกี่ยวกับการบำบัดผู้ติดยาเสพติดให้มากขึ้นในแต่ละชุมชน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหายาเสพติดต้องทำให้ครบวงจรทั้งสะกัดกั้น, ปราบปราม และบำบัด โดยจะมีการสร้างความเข้มแข็งตามแนวชายแดนให้มากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้าไทย, จัดกำลังพิเศษลงพื้นที่ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำไปสู่การขยายผลจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ และการให้โอกาสผู้ติดยาได้กลับคืนสู่สังคมด้วยการสร้างงาน หรือกลับเข้ามาศึกษาในสถานศึกษา

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องปลูกฝังประชาชนให้รู้ถึงพิษภัยของยาเสพติด มีการเพิ่มโทษผู้ต้องหาคดียาเสพติดให้รุนแรงขึ้นเพื่อให้เกิดความหลาบจำ และให้โครงสร้างทางการปกครองเข้ามามีบทบาทในการดูแลและแก้ปัญหายาเสพติดในแต่ละท้องถิ่นได้มากขึ้น

นายศุภชัย กล่าวว่า จะเดินหน้าโครงการหมู่บ้านสีขาว ซึ่งเป็นหมู่บ้านปลอดยาเสพติด ให้เจ้าหน้าที่รัฐเน้นดูแลในพื้นที่ที่มีปัญหายาเสพติดสูงกว่าระดับปกติ เช่น กทม. ปริมณฑล และจังหวัดชายแดนใต้ ขณะเดียวกันพรรคฯ เตรียมเสนอกฎหมายเข้าสู่สภาฯ ในการเพิ่มโทษให้รุนแรงขึ้นแก่ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งเชื่อวิธีนี้จะได้ผลในการแก้ปัญหาการแพร่ระบายของยาเสพติดมากกว่าการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปปราบปรามในแต่ละพื้นที่ พร้อมกันนี้จะจับมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการร่วมกันทะลายแหล่งผลิตยาเสพติดให้หมดไป

นายกรพจน์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาจะต้องเริ่มจากการทำให้ดีมานด์หรือผู้เสพมีจำนวนลดลง เพราะเชื่อว่าเมื่อผู้เสพลดลงแล้ว จำนวนยาเสพติดก็จะลดลงด้วย ซึ่งรัฐบาลจะต้องเพิ่มการดูแลและบำบัดผู้ติดยาให้มากขึ้น แก้ไขกฎหมายให้ผู้ที่เคยติดยาซึ่งเป็นผู้หลงผิดได้กลับเข้ามามีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างทัดเทียมคนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการปราบปรามอย่างจริงจังด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ