นายกฯ เตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 23-24 ส.ค. บรรจุนโยบายเร่งด่วน 16 ข้อ

ข่าวการเมือง Friday August 19, 2011 14:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ขณะนี้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้จัดพิมพ์เอกสารคำแถลงนโยบายเสร็จแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้นำไปใช้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 23-24 ส.ค.นี้

สำหรับนโยบายของรัฐบาล แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนในปีแรก ซึ่งนโยบายเร่งด่วนมี 16 ข้อ ประกอบด้วย

1.การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติตามแนวทางของ คอป. เยียวยาและฟื้นฟูให้กับประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากความเห็นที่แตกต่างและความรุนแรงที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายของการใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540

2.การกำหนดให้การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติด เป็นวาระแห่งชาติ

3.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง ยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล และปรับปรุง แก้ไขกฏหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตโดยมิชอบ

4.การส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและเร่งรัดขยายเขตพื้นที่ชลประทาน เร่งให้การบริหารจัดการน้ำในระดับประเทศอย่างมีประสิทธิภาพให้สามารถป้องกันปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งได้

5.นำสันติสุขและความปลอดภัยในชิวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับคืนสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขจัดความยากจน ยาเสพติด และอิทธิพลอำนาจมืด และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบอย่างเป็นธรรม

6.เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ โดยเฉพาะเร่งแก้ไขปัญหากระทบกระทั่งตามแนวชายแดนฝ่านกระบวนการทางการฑูตบนพื้นฐานของสนธิสัญญาและกฏหมายที่เกี่ยวข้อง

7.แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมั้นเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงบางประเภทชั่วคราวเพื่อให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงทันที และปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบมุ่งสู่การสะท้อนราคาต้นทุนพลังงาน

รวมถึงจัดให้มีบัตรเครดิตพลังงานสำหรับผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะในวงเงินที่เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ต่อเดือนจริง และแก้ไขปัญหาค่าครองชีพโดยดูแลราคาสินค้าและการมีรายได้เพื่อเพิ่มกำลังซื้อสุทธิของประชาชนโดยป้องกันและแก้ไขการผูกขาดทั้งทางตรงและทางอ้อม

8.ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ สร้างสมดุลและความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจมหภาค ได้แก่ พักหนี้ครัวเรือนเกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้ต่ำกว่า 5 แสนบาท อย่างน้อย 3 ปี และปรับโครงสร้างหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้เกิน 5 แสนบาท, ดำเนินการให้แรงงานมีรายได้เป็นวันละไม่น้อยกว่า 300 บาท และผู้ที่จบระดับกรศึกษาปริญญาตรีมีรายได้เดือนละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท

จัดให้มีเบี้ยยังชีพรายเดือนแบบขั้นบันไดสำหรับผู้สูงอายุ โดยผู้ที่มีอายุ 60-69 ปี จะได้รับ 600 บาท, อายุ 70-79 ปี จะได้รับ 700 บาท, อายุ 80-89 ปีจะได้รับ 800 บาท และอายุ 90 ปีขึ้นไป จะได้รับ 1,000 บาท, ลดภาษีบ้านหลังแรกและรถยนต์คันแรก

9.ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เหลือร้อยละ 23 ในปี 2555 และลดลงเหลือร้อยละ 20 ในปี 2556

10.ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน เช่น เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท และงบกองทุนพัฒนาศักยภาพ SML อีก 3-5 แสนบาทตามลำดับขนาดของหมู่บ้าน

11.ยกระดับสินค้าการเกษตร นำระบบรับจำนำสินค้าเกษตรมาใช้ในการสร้างความมั่งคงด้านรายได้ให้แก่เกษตรกร เริ่มต้นจากการับจำนำข้าวเปลือกและข้าวหอมมะลิ ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 ที่ราคาเกวียนละ 15,000 บาท และ 20,000 บาท

12.เร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศโดยประกาศให้ปี 2554-2556 เป็นปี "มหัศจรรย์ไทยแลนด์" และประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมเฉลิมฉลองในพระราชพิธีมหามงคลที่จะมีขึ้นในช่วงปี 2554-2555

13.สนับสนุนการพัฒนางานศิลปหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการสร้างเอกลักษณ์และการผลิตสินค้าในท้องถิ่น ด้วยการบริหารจัดการโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ให้มีศักยภาพ

14.พัฒนาระบบประกันสุขภาพ เพิ่มประสิทธิภาพหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค

15.จัดหาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แก่โรงเรียน โดยเริ่มทดลองดำเนินการในโรงเรียนนำร่องสำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2555

16.เร่งรัดและผลักดันการปฏิรูปการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นอิสระยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อวางกลไกการใช้อำนาจอธิปไตยที่ยึดหลักนิติธรรม และองค์กรที่ใช้อำนาจรัฐที่มีความรับผิดชอบต่อประชาชนและพร้อมการตรวจสอบ ทั้งนี้ให้ประชาชนเห็นชอบผ่านการออกเสียงประชามติ

และนโยบายที่ต้องดำเนินการ 4 ปี ตามระยะการบริหารราชการของรัฐบาล ประกอบด้วย 7 ข้อ คือ

1.นโยบายความมั่นคง อาทิ เทิดทูนสถาบันและพิทักษ์รักษาไว้ซื่งสถาบันพระมหากษัตริย์ พัฒนาและเสริมสร้างศักภาพกองทัพ และระบบป้องกันประเทศให้มีศักยภาพ พัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติ

2.นโยบายด้านเศรษฐกิจ แบ่งเป็น ขยายเศรษฐกิจมหภาค สร้างรายได้ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตร ส่งเสริมระบบมวลชนพื้นฐาน เป็นต้น โดยจะมีการดำเนินการในด้านต่างๆ เช่น ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน ปรับโครงสร้างภาษีอากรทั้งระบบเพื่อสนับสนุนการเพิ่มขีดความาสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมไปถึงการส่งเสริมและรักษาวินัยการคลัง และปรับปรุงโครงสร้างของรัฐวิสาหกิจ

ทั้งนี้นโยบายด้านเศรษฐกิจในเชิงนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาระบบรางเพื่อขนส่งมวลชน และการบริหารจัดการระบบขนส่งสินค้าและบริการ ด้วยการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางราง พัฒนาระบบรถทางคู่เชื่อมชานเมืองและหัวเมืองหลัก ศึกษาและพัฒนารถไฟความเร็วสูงจากรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-นครราชสีมา, กรุงเทพฯ-หัวหิน และเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้า 10 สายทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้สามารถเริ่มก่อสร้างได้ครบใน 4 ปี โดยเก็บค่าบริการ 20 บาทตลอดสายทั้งระบบ เร่งพัฒนาระบบตั๋วร่วมบัตรเดียว และเพิ่มความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้รองรับผู้โดยสารจากปีละ 45 ล้านคน เป็นปีละ 65 ล้านคนขึ้นไป

3.นโยบายปฏิรูปการศึกษา แรงงาน พัฒนาสุขภาพประชาชน

4.นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

5.นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม

6.นโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

7.นโยบายการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ