นายอรรถพร พลบุตร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า ขอเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตการเมืองรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอีก 6 เดือนหลังจากนี้ไป เนื่องจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย(พท.) ใช้อำนาจเกินขอบเขตเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนเกินกว่าที่สังคมจะรับได้ ไม่ว่าจะเป็น การกดดันขอพระราชทานอภัยโทษ การรื้อฟื้นคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก การโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม รวมทั้งการตั้งผู้ต้องหาในคดีร้ายแรงมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง
"ถ้ายังไม่เปลี่ยนตัวนายกฯ หรือไม่เปลี่ยนเป้าหมายของการทำงาน รัฐบาลนี่จะพบกับการต่อต้านจากภาคส่วนต่างๆ ของสังคมมากขึ้นโดยฉพาะอย่างยิ่งจากเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการที่ไม่เหมาะสมของรัฐบาล และจะรุนแรงจนถึงขั้นปะทุออกมาภายใน 6 เดือน รัฐบาลอาจต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือเกิดวิกฤตการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่จะนำระบบการเมืองสู่ความสมดุลมากขึ้น" นายอรรถพร กล่าว
รองโฆษก ปชป.กล่าวว่า นอกจากนี้นโยบายหลักของรัฐบาล ได้แก่ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท การปรับเงินเดือนให้กับผู้จบปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาท และการรับจำนำข้าว ล้วนแต่เป็นปัญหาที่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลทั้งสิ้น
"เนื่องจากเป็นนโยบายประชานิยมแบบฉาบฉวยแก้บนที่รัฐบาลไม่สามารถทำได้ตามที่ประกาศหาเสียงไว้ และยังสร้างปัญหาอื่นตามมา เช่น ภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพซึ่งจะกระทบต่อประชาชนอย่างรุนแรง" นายอรรถพร กล่าว
รองโฆษก ปชป.กล่าวว่า ปัญหาสำคัญที่สุดมาจากตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา สังคมได้เห็นไม่มีคุณสมบัติใดๆ ต่อการเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น ขีดจำกัดของประสบการณ์ สติปัญญา วิสัยทัศน์ และภาวะผู้นำ
"นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นเพียงหุ่นโชว์ที่แสดงบทบาทไปตามบทที่ถูกกำหนดในแต่ละวัน นายกฯ ผู้นี้อาจจะแสดงปาฎิหาริย์ได้ในช่วงเวลา 49 วันในฐานะนางแบบของพรรคเพื่อไทย เมื่อชนะการเลือกตั้งปาฎิหาริย์นั้นก็หมดไป และประชาชนก็เผชิญกับความจริงที่ว่า วันนี้เมืองไทยมีนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือใครคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง" นายอรรถพร กล่าว