นายอรรถพร พลบุตร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า รัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กำลังเผชิญหน้ากับภาวะถดถอยอย่างรุนแรง แม้จะเข้ามาบริหารประเทศในช่วงเวลาเพียงเดือนเศษเท่านั้น ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี
"ภาวะความถดถอยทุกด้านของรัฐบาลที่เร็วและรุนแรงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี เช่น การปรับคณะรัฐมนตรี หรืออาจเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องรอดูสัญญาณที่จะส่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" นายอรรถพร กล่าว
โดยความถดถอยที่เกิดขึ้นมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ประการแรกเป็นความผิดพลาดในนโยบายที่สำคัญ เช่น นโยบายบ้านหลังแรกหรือรถยนต์คันแรกซึ่งสาธารณชนมองว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้คนซึ่งมีรายได้สูงหรือกลุ่มทุนใหญ่ ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท และงบประมาณจำนวนมหาศาลที่ควรนำมาแก้ไขปัญหาของคนส่วนใหญ่ เช่น แก้ไขปัญหาน้ำท่วมหรือระบบน้ำเพื่อการเกษตรกรทั้งประเทศ ความผิดพลาดของนโยบายพลังงานซึ่งจะสร้างภาระหนี้สินมหาศาลในอนาคต รวมโครงการรับจำนำข้าวซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กับพ่อค้าข้าวและโรงสีมากกว่าชาวนาผู้ปลูกข้าวและจะนำมาซึ่งการทุจริตและวิกฤติการณ์ราคาข้าวในอนาคตอันใกล้ ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย และการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดทำให้สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ประการที่ 2 มาจากการที่รัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงมากกว่าปัญหาหลักอื่นๆ ของประเทศ เช่น การกดดันขอพระราชทานอภัยโทษและนิรโทษกรรม, การแต่งตั้งข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมือง และประธานคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนฯ, การไม่ฎีกาคดีเลี่ยงภาษีของภริยาและวงศ์วานของอดีตนายกรัฐมนตรี และการรุกคืบของกลุ่มนิติราษฎรซึ่งมีบางประเด็นไปกระทบสถาบันเบื้องสูง
และประการที่สามซึ่งเป็นปัจจัยลบสำคัญที่สุดคือ ภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ที่ติดลบและไม่อาจสร้างความคาดหวังใดๆ แก่สังคมได้ จึงทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาพ "รัฐบาลเดียวหลายนายกรัฐมนตรี" และนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจน้อยที่สุดหรือเกือบไม่มีเลยคือนายกรัฐมนตรีโดยตำแหน่ง
"การแก้ปัญหาภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีไม่ใช่การให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มานั่งอ่านสคริปต์ออกรายการวิทยุ แต่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดคือให้เกียรติของประชาชนด้วยการหานายกรัฐมนตรีตัวจริงที่มีความรู้ความสามารถ และมีนิติภาวะที่เหมาะสม" นายอรรถพร กล่าว