นายกฯยันวางนโยบายกระตุ้นใช้จ่ายทำศก.ในปท.เข้มแข็ง รับมือศก.โลกผันผวน

ข่าวการเมือง Saturday October 1, 2011 10:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ"รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ซึ่งจัดเป็นครั้งแรก ว่า เศรษฐกิจโลกขณะนี้เริ่มเปลี่ยนผ่านจากประเทศมหาอำนาจ ทั้งสหรัฐ และยุโรป ย้ายมาที่แถบเอเซียแล้ว ดังนั้น ไทยต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและถือเป็นโอกาส

ทั้งนี้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ส่วนใหญ่มาจากภาคการส่งออก ซึ่งความผันผวนของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย แม้จะมีการกระจายการส่งออกมาเอเซียมากขึ้นก็ตาม แต่รัฐบาลอยากเห็นการสร้างเศรษฐกิจในประเทศให้เข็มแข็ง โดยการเพิ่มรายได้ภาคครัวเรือน จึงเป็นที่มาของการเร่งรัดนโยบายต่างๆ เพื่อเดนิหน้าดูแลประชาชนในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและยังคงรักษาวินัยการเงินการคลัง

โดยนโยบายที่รัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว เป็นการดูแลเกษตรกรและประชาชน โดยโครงการรับจำนำข้าวนาปี จะเริ่มในวันที่ 7 ต.ค.54 ซึ่งเป็นระบบที่ต้องการให้เกษตรกรได้ประโยชน์มากที่สุด โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และยังมีทางเลือกให้เกษตรกรเลือกขายข้าวในตลาดได้หากมีราคาที่สูงกว่า ปัญหาท้องถิ่น ได้มีการเพิ่มเงินของกองทุนหมู่บ้านอีก 8 หมื่นแห่ง เพื่อนำไปใช้กูื้ยืมหลังน้ำท่วมลดลง รวมถึงโครงการหมู่บ้าน SML เพื่แก้ปัญหา ฟื้นฟู และพัฒนาชุมชน

ส่วนผู้ใช้แรงงานที่จะมีการเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน ขณะนี้กระทรวงแรงงานได้เร่งดำเนินการ โดยเป็นการทำงานของไตรภาคี ทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ นอกจากนีไดมีคการเพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี เป็น 15,000 บาท/เดือน ซึ่งทึ่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบการเพิ่มเงินเดือนดังกล่าวแก่บุคลากรภาครัฐแล้ว ซึ่งมีผล ม.ค.55 และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง และ ก.พ.หารือถึงการปรับเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ

สำหรับมาตรการบ้านหลังแรก ถือเป็นนโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจในระบบมาก เพราะทำให้เกิดการจ้างงานและเกิดการใช้จ่ายต่อเนื่อง เช่นการซื้อสินค้าเข้าบ้าน รวมถึงทำให้รัฐเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีการโอน ภาษีธุรกิจเฉพาะ ส่วนมาตรการรถยนต์คันแรก ได้คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน จึงได้จำกัดเครื่องยนต์ที่ไม่เกิน 1,500 ซีซี และเป็นรถที่ประกอบในประเทศ ซึ่งไม่ได้เป็นการกีดกันการค้าแต่อย่างใด แต่ถือเป็นนโยบายที่ประชาชนได้รับคืนภาษี ได้ประโยชน์โดยตรง ขณะที่การลดราคาน้ำมัน โดยการชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งน้ำมันดีเซล และเบนซิน ถือเป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อบรรเทาภาระให้ประชาชน แต่รัฐบาลยังคงมีนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทน และในระยะยาวจะต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันให้สะท้อนกลไกตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ