นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงาน สส.พรรค และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี เขต 7 ร่วมแถลงข่าวกรณี น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรค ปชน. เปิดแถลงข่าวที่รัฐสภาประกาศยุติการทำงานร่วมกับพรรค และแสดงความจำนงเข้าร่วมพรรคกล้าธรรม
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า มาตรการที่จะดำเนินการต่อ สส.กฤษฎิ์จากที่ได้แสดงเจตนารมณ์ในการขอยุติบทบาทกับพรรค และการร้องขอให้พรรคขับออกจากการเป็นสมาชิกนั้น ประชาชนและวิญญูชนทุกคนน่าจะมีข้อสรุปตรงกันว่ากฤษฎิ์ได้แสดงเจตจำนงออกมาแล้วว่าไม่ต้องการเป็นสมาชิกพรรค ปชน.อีกต่อไป แม้การขอลาออกต้องทำหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค แต่พรรคความเห็นว่าหนังสือของ สส.กฤษฎิ์ได้แสดงเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าต้องการยุติการเป็นสมาชิกพรรค
แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย เมื่อหัวจดหมายไม่ได้จั่วมาอย่างชัดเจนว่าต้องการลาออก พรรคจึงจะขอใช้อำนาจตามกฎหมายยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตีความว่าหนังสือฉบับนี้เป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่
ต่อจากนั้นที่ประชุม สส. และผู้บริหารพรรคได้มีมาตรการที่จะลงโทษให้ สส.กฤษฎิ์ไม่ได้สิ่งที่ต้องการในการย้ายไปพรรคกล้าธรรม หากสุดท้ายมีการตีความออกมาแล้วว่าหนังสือฉบับนั้นไม่ใช่หนังสือลาออก โดยจะไม่ขับ สส.กฤษฎิ์ออกจากพรรค แต่จะใช้มาตรการในการ "ดองงูเห่า" รวมถึงการนำเรื่องเข้ากรรมการวินัยของพรรคเพื่อตัดสิทธิพึงมีทุกอย่างในสถานะสมาชิกพรรค
นอกจากนี้ ในวันที่ 18 พ.ค. นี้ ตนจะเข้าพื้นที่พร้อมสส. ชลบุรีทุกเขตเพื่อยืนยันกับประชาชนว่าพรรค ปชน.ยังพร้อมเดินหน้ารับใช้ประชาชนในทุกเขต รวมถึงเขต 6 ที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น และในฐานะหัวหน้าพรรค ได้มีการมอบหมายให้นายสหัสวัตเป็นผู้ดูแลพื้นที่เขต 6 แทนกฤษฎิ์ต่อจากนี้ไปแล้ว
นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า จากที่ได้รับฟังเหตุผลที่ สส.กฤษฎิ์ แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อเช้านี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคในการผลักดันนโยบาย หรือประเด็นที่อยากขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการทำงานในพื้นที่ที่ไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรค
พรรคประชาชน ยืนยันว่า พรรคสนับสนุนการทำงานของ สส.กฤษฎิ์ในพื้นที่มาโดยตลอด โดยฝ่ายนโยบายได้อนุมัติงบประมาณส่วนกลางให้กฤษฎิ์นำไปทำกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นต่อการพัฒนานโยบายในพื้นที่ศรีราชา
นอกจากนี้ การทำงานในคณะกรรมาธิการคมนาคมที่ สส.กฤษฎิ์ระบุว่าไม่ได้รับการสนับสนุนนั้น ตั้งแต่เริ่มเปิดสภา พรรคได้ให้สส.ทุกคนได้เสนอตัวว่าต้องการทำงานในกรรมาธิการสามัญคณะใด แม้จะเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้อยู่ในกรรมาธิการสามัญที่ตนเองอยากอยู่ แต่ สส.กฤษฎิ์เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้อยู่ในกรรมาธิการสามัญที่ตัวเองเลือก คือกรรมาธิการคมนาคม เพราะพรรคเห็นว่าในพื้นที่ของ สส.กฤษฎิ์มีท่าเรือแหลมฉบังน่าจะเข้าไปขับเคลื่อนในกรรมาธิการได้
ต่อมาเมื่อมีญัตติที่ส่งไปในกรรมาธิการคมนาคม พรรคก็ยังได้ให้โอกาส สส.กฤษฎิ์เป็นรองประธานคนที่หนึ่งของอนุกรรมาธิการนี้ และเปิดโอกาสเต็มที่ให้เสนอสัดส่วนของอนุกรรมาธิการและที่ปรึกษาไม่มีการปิดกั้น และอนุกรรมาธิการนี้ก็มีมติให้มีการศึกษาดูงานรับฟังปัญหาของประชาชนในท่าเรือแหลมฉบังและมีการไปดูงานมาแล้ว
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาคือการไม่ได้รับความเคารพเรื่องสถานะทางเพศ ยืนยันว่าตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ มาจนเป็นพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน การโอบรับความหลากหลายทางเพศเป็นค่านิยมหลักและความเชื่อที่พรรคให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีการเหยียดสถานะทางเพศของสส. หรือประชาชนคนใด นอกจากนี้ พรรคยังเปิดโอกาสให้ สส.กฤษฎิ์ได้ทำงานในด้านความหลากหลายทางเพศด้วย และมีส่วนร่วมผลักดันพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม อยู่ในทีมยกร่างพ.ร.บ.รับรองเพศฯ และมอบหมายให้ยกร่างพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีอนามัยการเจริญพันธุ์ เพื่อให้สอดคล้องกับสมรสเท่าเทียม
สุดท้ายที่ สส.กฤษฎิ์อ้างว่าพรรคเตรียมส่งคนลงสมัครสส. แทนนั้น ยืนยันว่า พรรคไม่มีนโยบายในการหาคนลงสมัครแทน พรรคมีกระบวนการและกรอบเวลาที่ชัดเจนและมีการสื่อสารกับสส. ทุกคนอยู่แล้ว และยังไม่มีกระบวนการคัดสรรผู้สมัครเกิดขึ้นแต่อย่างไร