PoliticalView: กล้าธรรม...ตัวแปรลับในสมการรัฐบาลผสม

ข่าวการเมือง Wednesday May 28, 2025 12:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

PoliticalView: กล้าธรรม...ตัวแปรลับในสมการรัฐบาลผสม

"พรรคกล้าธรรม" จัดเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ แต่ไม่ใช่หน้าใหม่ เพราะนำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ที่ยกก๊วนสส.ในสังกัด 20 ชีวิต แยกตัวออกจาก "พรรคพลังประชารัฐ" มาสร้างอาณาจักรของตัวเอง เมื่อธันวาคม 2567

แม้ที่มาของพรรคกล้าธรรม อาจจะไม่สวยหรูนัก เพราะถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็แลกมาด้วยอำนาจฝ่ายบริหาร ที่ได้โควต้ารัฐมนตรีคุมกระทรวงอู่ข้าวอู่น้ำแบบเบ็ดเสร็จ อย่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถึง 3 เก้าอี้ ประกอบด้วย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ในฐานะหัวหน้าพรรค นั่งตำแหน่งรมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมของร.อ.ธรรมนัสอยู่แล้ว กับ 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการ คือ นายอัครา พรหมเผ่า น้องชายร.อ.ธรรมนัส และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร พร้อมกับผลักให้พรรคพลังประชารัฐไปเป็นฝ่ายค้าน

พรรคกล้าธรรม อาจไม่อยู่ในสมการการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่แรก แต่เมื่อมีเหตุสะดุดจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี จากนายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของพรรคกล้าธรรมอย่างเต็มตัว และเริ่มฉายแสงและมีบทบาทมากขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนของเสถียรภาพรัฐบาลในปัจจุบัน

และเมื่อ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ต้องพะวงกับการบริหารกระทรวง จึงมีเวลาเหยียบคันเร่งเดินเกมการเมือง สร้างพรรคให้เติบโต หา "พี่น้องทางการเมือง" มาร่วมอุดมการณ์กับพรรค เริ่มจากเปิดตัวด้วยนายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย

ย่างก้าวของพรรคกล้าธรรม ถูกจับตามากขึ้น หลังจาก ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ลงไปลุยช่วยผู้สมัครในการเลือกตั้งซ่อม เขต 8 จ.นครศรีธรรมราช และสามารถเอาชนะคู่แข่ง เจ้าของพื้นที่เดิมอย่าง "พรรคภูมิใจไทย" ชนะแบบทิ้งห่างนับหมื่นคะแนน ถือเป็นการปักธงในพื้นที่ภาคใต้เป็นครั้งแรก และถือเป็นการประกาศตัวพร้อมลงสนามเพื่อชิงเก้าอี้ สส.ภาคใต้ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า

ต่อจากนั้น น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.เขต 6 จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน ออกมาแสดงจุดยืน ขอยุติการร่วมกิจกรรมกับพรรคประชาชน และขอให้พรรคขับออก เพื่อจะไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ถือเป็นสส. "งูเห่า" คนแรกจากพรรคประชาชน ถึงแม้พรรคประชาชนจะแก้เกมไม่ขับออกจากพรรค แต่อาจจะได้เห็นบทบาทของร.อ.ธรรมนัส ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรีมากขึ้น เพราะถือเป็นจังหวัดที่มี "บ้านใหญ่" เป็นเจ้าของพื้นที่อยู่ด้วย จึงถือเป็นการเตรียมตัวก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในอีก 2 ปีข้างหน้า

เท่านั้นยังไม่พอ ยังได้เปิดตัว เด็กในคาถา "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย อย่าง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตเลขาพรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.หลายสมัย ซึ่งร.อ.ธรรมนัส ก็ยอมรับว่า ก่อนมี "ดีล"นี้เกิดขึ้น ได้พาทั้ง 2 คนไปหารือกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเคยเป็น "ลูกหม้อ" ของพรรคเพื่อไทยมาก่อน จึงยิ่งสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างนายทักษิณ และร.อ.ธรรมนัส ชัดเจนมากขึ้น และทำให้พรรคกล้าธรรม ถูกฉายสปอร์ตไลท์มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังย้ำคำเดิมว่า จะมีทั้ง "บิ๊กเนม" และ สส.ปัจจุบันทยอยเปิดตัวร่วมพรรคมากขึ้น แต่ทั้งหมด ไม่ได้มาจาก "พลังดูด" หรือ "แจกกล้วย" อย่างที่พรรคฝ่ายค้านกล่าวหา พร้อมกับกล่าวว่า พรรคกล้าธรรมเป็นพรรคอนาคต และความเป็นจริง สภาฯ ชุดนี้เหลือเวลาอีกปีกว่า ไม่มีพรรคไหนโง่ที่จะทุ่มเงิน 55 ล้าน เพื่อไปดูดสส.มา

ด้วยความเป็นพรรค "เนื้อหอม" และจำนวน สส.ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ถูกจับตามองว่าอาจจะได้ "โควต้ารัฐมนตรี" เพิ่มมากขึ้น ถึงขั้นถูกโยงว่า ต้องการเก้าอี้ "มท.1" แทนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย

ปัจจุบัน พรรคกล้าธรรม มีสส.เขต 22 คน และปาร์ตี้ลีสต์ อีก 4 คน และยอมรับว่าการดึง สส. และ บุคลากรทางการเมืองมาร่วมงานกับพรรค เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง โดยหวังรักษาเก้าอี้ สส.เขตทั้ง 22 คนเอาไว้ พร้อมกับ "ฝันใหญ่" ได้เก้าอี้ สส.เกิน 100 คนในศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป

หลังจากนี้ "พรรคกล้าธรรม" คงจะมีบทบาทมากขึ้น ทั้งงานในรัฐบาลและในสภาผู้แทนราษฎร เพราะนั่นคือ การสร้างผลงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น "โควต้ารัฐมนตรี" ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มขึ้นในอนาคตหากจำนวนสส.ในมือมีมากขึ้น หรือ การเป็นตุนสส.ไว้ในมือ ไม่ว่าจะมาจาก "ฝ่ายค้าน" ที่ฝากเลี้ยง หรือ "งูเห่า" เพื่อเป็นหลักประกันให้กับพรรคเพื่อไทย ที่จะช่วยผลักและดันให้รัฐบาลอยู่จนครบเทอมหรือ การสร้างให้พรรคแข็งแรง เพิ่มจำนวนสส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อหวังเป็น "พรรคทางเลือก" หรือ "พรรคตัวแปร" ที่พรรคใดก็ไม่อาจมองข้ามได้ ซึ่งหากพรรคกล้าธรรม เพิ่มสส.ได้เรื่อย ๆ ก็ทำให้เป็นการลดบทบาทของพรรคภูมิใจไทยลงไปได้

การเคลื่อนไหวของพรรคกล้าธรรมนี้ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช มองว่า มีลักษณะคล้ายก่อนการเลือกตั้งปี 62 ที่มีการเสนอทฤษฎี "แตกแบงค์พัน" หรือ "แบงค์ย่อย" ของนายทักษิณ ด้วยการมีพรรคสาขา หรือพรรคนอมินี หากในพื้นที่ใดที่พรรคเพื่อไทยเจาะไม่ได้ ก็เป็นโอกาสของพรรคกล้าธรรมที่เข้าทดแทนในพื้นที่นั้น เช่น พื้นที่ในจังหวัดภาคใต้ตอนบน รวมไปถึงในจังหวัดอื่น ๆ ที่พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัด ในการเอาชนะคู่แข่งขันทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพรรคภูมิใจไทย

นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์ "วิเคราะห์พรรคกล้าธรรม" ระบุว่า การที่ทุกพรรคกำลังจัดทัพเพื่อเตรียมการเลือกตั้งครั้งหน้า สะท้อนถึงความตึงเครียดและการแข่งขันที่ซ่อนอยู่ภายในรัฐบาลผสม แม้จะมองว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ครบวาระ

นอกจากนี้ ภาพลักษณ์การ "ดูด สส." ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาจากฝ่ายค้านและสาธารณชน อาจทำให้พรรคถูกมองว่าเป็นพรรคที่เน้นผลประโยชน์มากกว่าอุดมการณ์ รวมไปถึงการอ้างถึงการหารือกับนายทักษิณ อาจทำให้พรรคถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเพื่อไทย ซึ่งอาจจำกัดฐานเสียงใน "กลุ่มที่ต่อต้านทักษิณ" และการดึง สส. จากพรรคอื่นอาจสร้างความตึงเครียดกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะภูมิใจไทย

ส่วนการที่พรรคกล้าธรรม เน้นการดึงตัวบุคคลที่มีชื่อเสียง อาจทำให้พรรคขาดการสร้างฐานจากนโยบายที่ชัดเจนหรือการพัฒนาอุดมการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความยั่งยืนในระยะยาว หากพรรคถูกมองว่าเป็นเพียง "ที่พัก" ของนักการเมืองที่ต้องการโอกาสทางการเมืองเท่านั้น

คงต้องรอจับตาว่าอีก 2 ปี กว่าจะเลือกตั้งใหม่ พรรคกล้าธรรม จะมาแทนที่ ภูมิใจไทย ในอนาคตได้หรือไม่???



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ