นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่าได้พูดคุยกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กรณีทหารไทย-กัมพูชาเกิดเหตุปะทะกันบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อช่วงเช้ามืดวานนี้ (28 พ.ค.68) แล้ว เช่นเดียวกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบกของกัมพูชา
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารทั้งไทยและกัมพูชา ได้นัดเจรจากันในช่วงบ่ายวันนี้ โดย พล.อ.พนา จะลงไปดูพื้นที่จริง เพราะต่างฝ่ายต่างอ้างเรื่องแผนที่แบ่งเขตที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยากลำบากที่จะบอกว่าใครผิดหรือถูก แต่เข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้ฝั่งกัมพูชามีทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องของความรู้สึก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุเมื่อวานนี้ กองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายได้ถอนออกจากจุดเผชิญหน้าไปฝ่ายละ 200 เมตร จากระยะเดิมเคยเว้นห่างกันไว้ 200 เมตร รวมแล้วตอนนี้ถอยออกมาเป็น 400 เมตรแล้ว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดกัน ทั้งสองฝ่ายได้พูดถึงจุดที่วางกำหลังอยู่ในพื้นที่ว่าแต่ละฝ่ายได้รุกล้ำดินแดนเข้าไป ซึ่งเมื่อวานได้พูดคุยเบื้องต้นกับที่ปรึกษาของสมเด็จฯ ฮุนเซนแล้ว และในหลักการไม่ต้องการให้ทหารไทยและกัมพูชาเผชิญหน้า จึงอยากให้พยายามที่จะใช้แนวทางการพูดคุยกัน โดยไม่แตะเรื่องของดินแดน ณ ตอนนี้
พร้อมกันนั้น อยากเรียกร้องให้สื่อฯ อย่านำเสนอข่าวที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งบานปลายออกไป เพราะต่างฝ่ายต่างพูดไปโดยอ้างอิงสิ่งที่เห็นต่างกัน โดยเฉพาะประเด็นว่าฝ่ายใดเปิดฉากยิงก่อน ดังนั้น ขอให้รอการเจรจากันก่อน ซึ่งขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการทหารบกก็ได้รับทราบเรื่องนี้และดำเนินการแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถยุติเรื่องนี้ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากเจรจาแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมทำตามข้อตกลงจะมีมาตรการอย่างไรนั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า ขอไปดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อน เมื่อมีการนัดเจรจากันแล้ว และมอบนโยบายไปชัดเจนแล้วให้ยืนบนหลักการว่าอย่าให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก เพราะอยากให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ดังกล่าว และพยายามให้ทั้งสองฝ่ายพยายามหาทางออกร่วมกันให้ได้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันในหลักการ
ทั้งนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของจ่าสิบเอก ซูน รอน ผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีของกองกำลังที่รุกรานชายแดนกัมพูชา ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น โดยขอประณามบุคคล หน่วยงาน หรือหน่วยงานใด ๆ ที่ตัดสินใจก่อเหตุรุกรานที่คล้ายกับการบุกรุกที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2551-2554 ที่ปราสาทพระวิหาร
สมเด็จฮุนเซ็น ระบุว่าไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งด้วยอาวุธ แต่สนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลในการจัดส่งทหารและอาวุธหนักไปยังพื้นที่ชายแดนเพื่อเตรียมการป้องกันในกรณีที่มีการรุกรานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งวังว่าการเจรจาระหว่างผู้บัญชาการทหารของทั้งสองประเทศจะประสบผลสำเร็จ และหวังว่าจะไม่มีความตึงเครียดตลอดแนวชายแดนที่อาจขัดขวางความร่วมมือในภาคส่วนอื่น ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ