น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า ยิ่งใกล้วันที่ 12 มิถุนายนที่กรรมการแพทยสภานัดประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขในฐานะแพทยสภานายกพิเศษที่ยับยั้งการลงโทษพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแพทย์ 2 ราย ก็ยิ่งมีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเป็นขบวนการหนักขึ้น มีการล่าชื่อแพทย์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องกดดันเพื่อถอดถอนนายสมศักดิ์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี การขับไล่รัฐบาล ก่อเกิดสภาวะความเสี่ยงที่จะกระทบต่อองค์กรวิชาชีพแพทยสภา เพียงแค่ต้องการจะเล่นงานนายทักษิณ ชินวัตรให้ได้ คำว่าระบอบทักษิณที่ฝ่ายตรงข้ามเคยใช้เป็นวาทะกรรมจนนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อปี 2549 ก็ถูกขุดเอามาใช้โจมตีกันอีก ซึ่งเชื่อว่าคนไทยที่รักประชาธิปไตยและต้องการเห็นความกลมเกลียวไม่ยอมรับกับวิธีการเช่นนี้
น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า นายสมศักดิ์ยืนหนังสือให้มีการยับยั้งมติแพทยสภาที่ลงโทษนายแพทย์ 2 รายที่เกี่ยวกับกรณีนายทักษิณ ด้วยการพักการใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งหมายถึงไปตรวจรักษาคนไข้ไม่ได้เป็นเวลา 3 เดือนและ 5 เดือนนั้น เป็นการปฏิบัติไปตามอำนาจของแพทยสภานายกพิเศษที่บัญญัติไว้ในพ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มาตรา 25 ไม่ใช่นายสมศักดิ์ใช้อำนาจตามใจชอบ เช่นเดียวกับกรรมการแพทยสภาที่มีอยู่ 69 คน หากยืนยันมติเดิมจะต้องใช้คะแนนโหวตให้ได้ 2ใน 3 นั่นคือไม่น้อยกว่า 47 เสียง ซึ่งก็เป็นไปตามพ.ร.บ.ฉบับเดียวกันนี้ แพทยสภาไม่สามารถลงโทษแพทย์ 2 รายได้ตามอารมณ์ของกรรมการแพทยสภาคนใดได้ ผลออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับไปตามนั้น
โฆษกสธ.กล่าวว่า เหตุผลในการวีโต้หรือยับยั้งมติแพทยสภาที่นายสมศักดิ์แถลงข่าวและระบุไว้ในหนังสือได้ผ่านขั้นตอนการศึกษาพินิจพิเคราะห์ของคณะกรรมการ 10 คนที่ให้ไปพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งเป็นความรอบคอบและถี่ถ้วนก่อนจะใช้อำนาจวีโต้ หลักสำคัญคือ ควรให้ความเป็นธรรมกับแพทย์ทั่ง 2 รายที่ยื่นคำร้องมาถึงนายสมศักดิ์ไม่ควรถูกลงโทษด้วยมาตรการที่รุนแรงขนาดนั้น มีแพทย์รายหนึ่งถูกมติแพทยสภาลงโทษตักเตือน เรื่องนี้นายสมศักดิ์ก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ แม้ว่าแพทยสภาจะเป็นองค์กรวิชาชึพอิสสระ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำทุกอย่างได้โดยไม่มีกลไกถ่วงดุลตรวจสอบ
กฎหมายจึงระบุให้สภานายกพิเศษมีอำนาจถ่วงดุลโต้แย้ง พร้อมกับระบุวิธีการไว้ การที่มีการสร้างกระแสกดดันว่าต้องยึดตามมติแพทยสภาโดยไม่คำนึงถึงประเด็นและเนื้อหาในข้อโต้แย้งจึงเป็นความเห็นที่ไม่ถูกหลักการเป็นการพิพากษาอาศัยกระแสสังคมกดดันกรรมการแพทยสภาที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิควรใช้วิจารณญาณไตร่ตรองมาพิจารณาให้รอบด้าน
"ขณะนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า แพทยสภากำลังแปดเปื้อนไปด้วยกลิ่นคาวทางการเมืองจากการถูกขบวนการฝ่ายตรงข้ามพยายามเคลื่อนไหวทุกวิถีทางเพื่อจะเล่นงานนายทักษิณให้ได้ ต้องการจะทำให้นายสมศักดิ์พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สำหรับแพทย์ 2 รายไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรเลย ถ้ากรรมการแพทยสภาลงมติใหม่ได้คะแนนไม่ถึง 47 เสียง การลงโทษพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมก็ต้องปรับเปลี่ยนใหม่ เพราะมันรุนแรงเกินไป ขอแต่เพียงว่า กรรมการแพทยสภาบางคนอย่าเล่นการเมืองจนเลยเถิด อย่าเอาความอาฆาตแค้นส่วนตัวมาเป็นเครื่องมือเล่นงานฝ่ายตรงข้าม เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย องค์กรแพทยสภาต้องอยู่ต่อไปเพื่อกำกับดูแลจริยธรรมแพทย์และเพื่อคุ้มครองประชาชน อย่าต้องมามัวหมองมากไปกว่านี้เลย" น.ส.ตรีชฎากล่าว