
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในที่ประชุม ครม.ว่า วันนี้ในเรื่องของปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้คณะรัฐมนตรีร่วมกันแก้ไข ซึ่งการแก้ปัญหาจะไม่มีการเมือง ไม่มีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เพราะประเทศไทยต้องมาก่อน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในที่ประชุม ครม.ว่า สำหรับสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ได้สั่งการให้ กระทรวงกลาโหม กองทัพบก และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเป็นเอกภาพ และขอยืนยันว่า รัฐบาลมุ่งมั่นในการรักษาอธิปไตยของประเทศไทยให้ถึงที่สุด และจะใช้มาตรการต่าง ๆ ในการคลี่คลายสถานการณ์ตามกรอบกฎหมาย และข้อตกลงกับประเทศกัมพูชา ตาม MOU 43 อย่างสันติ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียและความเสียหายโดยไม่จำเป็น

รวมทั้งเร่งรัดให้มีการเจรจาผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) โดยในครั้งนี้ทางกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 14 มิ.ย.68 จึงขอมอบหมาย ดังนี้
1. ให้กระทรวงการต่างประเทศ รับผิดชอบเรื่องการแถลงข่าวสถานการณ์ดังกล่าวเป็นระยะ โดยให้ประสานข้อมูลอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงกลาโหม และกองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2. ให้หน่วยงานความมั่นคง และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้มงวดควบคุมไม่ให้เกิดข่าวเท็จ (Fake News) ที่ยุยงปลุกปั่นในสถานการณ์ที่เปราะบางเช่นนี้ และขอความร่วมมือให้สื่อต่าง ๆ รวมทั้ง Social Media และภาคส่วนต่าง ๆ อย่าปลุกเร้าขยายความขัดแย้งมากขึ้น เพราะไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ ต่อประชาชนคนไทย และประเทศชาติ
3. ขอส่งกำลังใจแก่ทุกเหล่าทัพ และทหารที่อยู่ในแนวหน้า ขอให้ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยด้วยความอดกลั้น เพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ แขอยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งรัดแก้ปัญหาให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด
น.ส.แพทองธาร กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ในการรักษาอธิปไตยของประเทศไทยไว้ โดยรัฐบาลและทหารได้มีการพูดคุยหารืออยู่ตลอดเวลาว่าจะไปในทิศทางใดและอย่างไร รวมถึงความปลอดภัยได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว หากเกิดการปะทะ สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น แม้ประเทศไทยจะใช้สันติวิธี แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ผิดคาด ก็พร้อมที่รับมือกับสถานการณ์ทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเลือกสันติวิธี เพราะไม่ต้องการให้มีการปะทะ ไม่ต้องการให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อไม่ว่าจะเป็นคนของประเทศไหน ตามที่เรียกว่า "ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด"
"เราเตรียมเครื่องมือพร้อม เผื่อมีการปะทะขึ้นมาเราก็พร้อมที่จะรับมือ...ย้ำว่า เราเลือกสันติวิธีไม่อยากให้มีการปะทะเสียเลือดเสียเนื้อ ไม่ว่าจะของคนใดก็ตาม อุปกรณ์พร้อม เครื่องมือพร้อม แต่เราพูดคุยได้ทุกระดับ"
สำหรับรายละเอียดของการพูดคุยในทุกระดับนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด ขอให้ทุก ๆ คนเข้าใจ และขอย้ำว่า อย่ามองเป็นเรื่องการเมือง ทำให้คนที่ไม่สนับสนุนออกมาต่อสู้กัน วันนี้ คนไทยต้องร่วมมือกัน เพื่อที่จะปกป้องพื้นที่ ปกป้องคนไทย คือ สิ่งสำคัญ
ส่วนการปิดด่าน จะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ จะเกิดคุณหรือเกิดโทษอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ปรึกษากับทางทหารตลอดว่าควรจะเคลื่อนไหวอย่างไร