ข่าวสะพัด 21 สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ เข้าชื่อทำหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัดส่วนของพรรคด้วย โดยให้เหตุผลว่า "ไร้คนเหมาะสมนั่งรัฐมนตรี" และระบุว่าผู้ที่จะดำรงตำแหน่งต้องมีคุณสมบัติ "ความสุจริตอันเป็นที่ประจักษ์" ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่าพุ่งเป้าไปที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ท่ามกลางกระแสความร้อนแรงของการเจรจาต่อรองเก้าอี้ใหม่ของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยที่ขยับกันไปแล้วก่อนหน้านี้
รายงานข่าว เปิดเผยว่า ในหนังสือดังกล่าวระบุว่ารัฐมนตรีในสัดส่วนของ รทสช.ขาดความรู้ความสามารถในการบริหารงาน รวมถึงการผลักดันนโยบายและการสร้างผลงานของรัฐมนตรี ส่งผลให้ไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล
ปัจจุบันรัฐมนตรีสังกัด รทสช.ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ประกอบด้วย
- นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค รทสช.
- นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม
- พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม
- นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์
สถานการณ์ความขัดแย้งภายในพรรค รทสช.เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 68 มีกระแสข่าวลือปรับ ครม. เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาส่งสัญญาณถึงพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่ "หลบ" หรือ "ป่วย" ในวันประชุม ครม. ที่มี พ.ร.ก. สำคัญเกี่ยวกับภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุม ซึ่งหลายฝ่ายพุ่งเป้าไปที่ นายพีระพันธุ์ ว่าอาจถูกปลดออกจากตำแหน่ง หรือมีการสลับเก้าอี้ จนกระทั่งขณะนี้ ความขัดแย้งปะทุขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อมีการเผยแพร่เอกสารอ้างว่าเป็นรายชื่อ ส.ส. 21 คนของพรรคออกมา
"ต้องดูก่อนว่าเอกสารดังกล่าวจริงไหม เพราะวันนี้มี สส.หลายคนออกมาปฏิเสธหมดแล้ว ผมยังงงกันอยู่ว่ามันคืออะไร...ผมทำงาน ผมยอมหักไม่ยอมงอครับ เพราะรู้ดีว่าสู้อยู่กับอะไร...เห็นว่ามีปลอมที่ไม่เหมือนกับปกติ มีลายเซ็นคล้ายเด็กอนุบาล รู้สึกแปลกใจในเจตนาที่ปล่อยข่าวนี้ออกมา" นายเอกนัฏ กล่าว
พร้อมกันนั้น นายเอกนัฏยังได้ระบุว่าพฤติกรรมของ นายสุชาติ ที่เป็นผู้นำกลุ่ม ส.ส.ล่ารายชื่อในเอกสารตำหนิรัฐมนตรีของพรรค เท่ากับเป็นการ ด่าตัวเองว่าไร้ความสามารถ และเตือนว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการปลุกปั่นพรรคแตกแยก ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดสมาชิกภาพ ซึ่งเมื่อคืนได้โทรศัพท์ไปหานายสุชาติ เพราะอยากคุยด้วยแบบลูกผู้ชาย ไม่นายสุชาติไม่รับสาย
เลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ผิดปกติที่ สส.รวมไทยสร้างชาติไปยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้ปลดรัฐมนตรีของพรรคตัวเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน หากคนที่ทำมีเจตนาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวก็คงจะไปช่วยแก้ไขปัญหาให้ไม่ได้ เพราะภายในพรรคมีการทำงานร่วมกันตลอดเวลา ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่มีความพยายามของคนไม่กี่คนที่ต้องการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น เรื่องนี้สื่อน่าจะรู้ดีเพราะเป็นคนส่งข่าวให้ ขอให้สื่อได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พรรคมีกลไกตรวจสอบข้อเท็จจริง
"ขอตั้งข้อสันนิษฐานว่ามาจากหัวหน้าทำงานเกี่ยวกับเรื่องพลังงานหรือไม่ หรือการทำงานของผมที่ไปรบกวนทุนเทาหรือไม่ การเมืองเป็นอย่างนี้ คนถึงเบื่อ" นายเอกนัฏ กล่าว
ขณะที่ น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรค รทสช.มองว่า การปล่อยข่าวนี้เป็นเกมการเมืองหวังขัดขวางกรณีที่นายพีระพันธุ์ ที่พยายามผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้างพลังงาน โดยออกกฎหมาย 3 ฉบับซึ่งอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนจะเห็นร่างกฎหมายฉบับนี้ จึงเป็นข้อสันนิษฐานว่าอาจจะมีการตัดแข้งตัดขา หรือเป็นการกระทำให้กฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่าน หรือความพยายามจะล้มพรรคหรือเอาท่านออกหรือไม่
โดยการออกกฎหมายมีหลายขั้นตอน เข้าใจว่ากฎหมายฉบับนี้รอเข้าสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรหน้าคงจะอยู่ต้นวาระ ส่วนสาเหตุที่มีความพยายามเคลื่อนไหวนั้น ตนเองไม่สามารถตอบแทนได้ แต่ถ้าไปดู สส.ที่ไม่ได้ออกเซ็นชื่อ หรือสมาชิกพรรครวมไทยเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ก็เป็นลักษณะของการให้กำลังใจกับนายพีระพันธุ์
น.ส.ศศิกานต์ กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาระบุว่านายพีระพันธุ์ และ นายเอกนัฏ ไม่มีคุณสมบัติ ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์นั้น ขอยืนยันว่านายพีระพันธุ์กำลังต่อสู้เรื่องพลังงาน น่าจะเป็นรัฐมนตรีคนแรกที่กล้างัดกับอะไรที่ไม่เคยกล้าทำมาก่อน ส่วนนายเอกนัฏก็ต่อสู้กับจีนเทา ต้องถามกลับไปว่าผลงานเป็นที่ประจักษ์แปลว่าอะไร อย่างไรก็ตามจะมีการเรียก สส.มาพูดคุยหรือไม่คงต้องฟังสัญญาณจากหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค
"ช่วงนี้พรรครวมไทยสร้างชาติถูกเฟกนิวส์เยอะ เช่น กรณีการร้อง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบนายพีระพันธุ์ หรือกรณีที่ ป.ป.ช.เรียกสอบ ก็เป็นเฟกนิวส์ จึงขอให้คนไทยรับสารด้วยการมีวิจารณญาณ" น.ส.ศศิกานต์ กล่าว
ส่วนการลงโทษผู้ที่กระทำการแอบอ้างเรื่องนี้คงต้องดูกฎระเบียบของพรรค แต่ความคิดของ สส. 20 กว่าท่านก็เป็นความคิดของคนกลุ่มหนึ่งของพรรคการเมือง การบริหารพรรคการเมืองก็มีระบบต้องดูว่าคณะกรรมการบริหารพรรคจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ พร้อมปฏิเสธนายพีระพันธุ์ไม่ได้หลบหน้าสื่อเพื่อจะชี้แจงกระแสข่าวดังกล่าว
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรคฯ ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าว โดยขอให้รอฟังการแถลงข่าวจากแกนนำพรรค อย่างเช่น นายเอกนัฏ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
ส่วนความเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียหลังมีข่าวนี้ออกมา นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า ในฐานะตัวแทน สส.ทั้งสามเขตของจังหวัดชุมพร ขอยืนยันว่าไม่เคยลงชื่อในหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ปรับ ครม.ในสัดส่วนของพรรคฯ ที่ปรากฏตามข่าว เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง