นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission:JBC) ครั้งที่ 6 ได้สะท้อนท่าทีที่ชัดเจนของไทยในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งรัฐบาลได้ยึดมั่นมาโดยตลอดในการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชาด้วยความจริงใจและสุจริตใจ รวมถึงการเข้าร่วมการประชุม JBC ที่ผ่านมาด้วยความตั้งใจจริงที่จะเห็นผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
โดยวันนี้เราได้เห็นแล้วว่าทางฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบสนอง แต่กลับเลือกการเสนอพื้นที่ 4 จุด คือ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะไม่หารือกรณีพื้นที่ 4 จุดในการประชุม JBC ซึ่งฝ่ายไทยได้แสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะประเด็นเรื่องเขตแดนอยู่ในการทำงานของ JBC ซึ่งมีประสิทธิภาพต่อเนื่องมานานกว่า 25 ปี
กลไกทวิภาคีผ่าน JBC ยังสามารถดำเนินการได้อยู่ และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ได้อย่างยั่งยืน โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือน ก.ย.68 ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชาได้ตอบรับเข้าร่วมประชุมแล้ว
กรณีของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) นั้นขอยืนยันว่ารัฐบาลไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจมาตั้งแต่ปี 2503 ซึ่งประธานร่วม JBC ฝ่ายกัมพูชาก็รับทราบท่าทีของฝ่ายไทยในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมแนวทางเพื่อเรื่องรับในเรื่องนี้ไว้แล้ว
ส่วนกรณีที่ทางกัมพูชาเผยแพร่มาตรการหรือคำขู่ต่าง ๆ ทางโซเชียล เช่น การปิดด่าน การห้ามนำเข้าสินค้าไทยนั้น ขอยืนยันว่าไทยปฏิบัติตามหลักสากลของการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกันโดยไม่มีการหารือกันร่วมกัน หรือหาทางออกที่สร้างสรรค์ เพราะจะเกิดผลกระทบที่เป็นผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยมาตรการของไทยจะเป็นการตอบโต้ในระดับรัฐบาล ไม่มีเป้าหมายโจมตีประชาชน
"การตอบโต้ทางโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดต่อกันและข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่บนพื้นฐานการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช่อารมณ์ ไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นการเมือง...การตอบโต้ไม่ใช่ทางออกเสมอไป" นายนิกรเดช กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้มีการชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง และในช่วงบ่ายวันนี้จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับคณะทูตประจำประเทศไทย พร้อมทั้งขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบข้อมูลก่อนเผยแพร่ เพื่อหลีกเลี่ยงการบิดเบือนข้อมูล
นายนิกรเดช กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่ได้แถลงข่าวก่อนหน้านี้ เพราะต้องรอให้คณะทำงานเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยก่อน โดยได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว ซึ่งกว่าคณะทำงานจะกลับมาถึงราว 21.00 น.จึงได้นำเสนอเป็นเอกสารแถลงข่าว และจัดให้มีการแถลงข่าวในวันนี้
ขณะที่นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธาน กมธ. JBC ฝ่ายไทย กล่าวว่า ตนเข้าร่วมประชุม JBC มา 5 ครั้งแล้ว ตั้งแต่สมัยเป็นข้าราชการจนมาเป็นประธานในวันนี้ ซึ่งบรรยากาศครั้งนี้ถือว่าราบรื่นที่สุด และได้มีการหารือกันถึงเรื่องเทคนิคในการปักปันเขตแดนกว่า 800 กิโลเมตร และไม่แน่ใจว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าใด เพราะขนาดชายแดนไทย-มาเลเซียที่ไม่มีปัญหาทางการเมือง ระยะทาง 556 กิโลเมตร ยังใช้เวลานานถึง 12 ปี และรู้สึกเสียดายที่ไม่มีการหยิบเรื่องพื้นที่ 4 จุดมาหารือในการประชุมครั้งนี้ เพราะในอดีตเคยมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาพิพาทในทำนองนี้มาแล้วด้วยการกำหนดเขตห้ามทำกิจกรรม
ด้านนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กล่าวว่า ได้เตรียมพร้อมรับมือกรณีที่กัมพูชานำเรื่องไปฟ้อง ICJ แล้ว โดยมีทีมที่ปรึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่รู้สึกเสียดายที่กัมพูชาไม่ยอมนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม JBC และยังไม่เห็นคำฟ้องว่ากัมพูชาอ้างเหตุเรื่องอะไร