พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ประธานกรรมาธิการทหาร และความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา และคณะ แถลงรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังออกมายอมรับคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นการด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหารและกองทัพ เป็นการยินยอมอ่อนน้อมให้ศัตรูผู้รุกรานแผ่นดินไทย พร้อมตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุน เซนเรียกร้อง ทำให้ประเทศเสียหาย
ที่ผ่านมา พฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาลส่อความเป็นคนไม่รักชาติ บ่งบอกเป็นคนทรยศ ขายชาติ ทำให้ความอดทนของคนในชาติสิ้นสุดแล้ว กมธ.ทหาร และสว. จึงขอเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการกระทำอาจเข้าข่ายความผิด ดังนี้
1. ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ระบุว่า บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ประเทศ มาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์ รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต และเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย
2. ผิดประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ในมาตราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐ ต่างประเทศ หรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และมาตรา 257 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
3. ส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตำหนิแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนละฝ่ายกับเรา หมายถึงเป็นคนละฝ่ายกับนายกรัฐมนตรีไทยกับสมเด็จฮุน เซน ถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ขาดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กมธ.ทหาร และ สว.ไม่อาจปล่อยให้ น.ส.แพทองธาร ที่เป็นบุคคลฝั่งเดียวกับกัมพูชา เป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย ให้บริหารประเทศต่อไปได้
ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ลาออกจากตำแหน่ง และยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที
- เข้าชื่อยื่นถอดถอนนายกฯ บ่ายนี้
พร้อมทั้ง มีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธาร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ไม่ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง โดยเบื้องต้น จะไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการลงรายชื่อ เมื่อครบแล้วจะไปยื่นทันทีในช่วงบ่ายวันนี้
พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า หากนายกรัฐมนตรีไม่ยอมลาออก คงไม่ส่งผลให้การเมืองไปถึงทางตันจนนำไปสู่รัฐประหาร โดยขอว่าอย่าเอามาเป็นกังวล เพราคิดว่าฝ่ายรัฐบาลน่าจะมีทางออกที่ดี สถานการณ์คงไม่ไปถึงขนาดนั้น และตนมองว่า ไม่ว่าจะเป็นทหารยุคไหนสมัยไหน ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ หรือไม่ใช่เรื่องความเสียหายของประเทศชาติจริง ๆ ไม่มีใครอยากจะทำ (รัฐประหาร) เพราะไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
ส่วนรายชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีที่มีอยู่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะมีความเหมาะสมหรือไม่นั้น พล.อ.สวัสดิ์ ไม่ได้แสดงความเห็น โดยกล่าวเพียงว่า เป็นเรื่องของรัฐสภา และเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น
ส่วนจะมีการเดินหน้าขอเปิดประชุมอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 เพื่อหารือปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หรือไม่นั้น พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า จากการประชุมของวิปวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) มีมติร่วมกันว่า ถ้าสถานการณ์ยังไม่มีอะไร อาจจะรออีกสักเดือนหนึ่ง แต่หากมีสถานการณ์อะไรที่เพิ่มมากขึ้น อาจจะต้องไปถึงตรงนั้นให้ไวที่สุด เมื่อมีการเปิดสมัยประชุมสภา
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าวมีกลุ่ม สว.บางส่วนได้ลงมาเซ็นรายชื่อ บริเวณด้านหลังจุดแถลงข่าว เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอนนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รายชื่อเกินกว่า 1 ใน 3 ที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว