นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม กรณีนำบุคคลซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณอันมิบังควร เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
ทั้งนี้สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องของประธานวุฒิสภาที่ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พร้อมทั้งมีมติให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับแต่วันที่ 1 ก.ค. แม้จะมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร เป็น รมว.วัฒนธรรม อีกตำแหน่งหนึ่งในวันเดียวกัน
ดังนั้นเมื่อมีข้อกล่าวหาว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดไร้จริยธรรม สมคบผู้นำต่างชาติ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ น.ส.แพทองธาร ควรจะชะลอไม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นพิธีการที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีต่อประมุขของชาติ ควรรอจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่เป็นไปตามคำร้องแล้วจึงเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณในภายหลังก็จะถูกต้องเหมาะสม แสดงจิตสำนึกของผู้นำ และเป็นวัฒนธรรมที่ดีของกระทรวงวัฒนธรรมไทย
ทว่านายสุริยะกลับนำ น.ส.แพทองธาร และคณะรัฐนนตรีคนอื่น ๆ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์เมื่อเที่ยงวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงเป็นการกระทำที่มิบังควร อันอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และยังไม่แยแสต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม ยังกลับมาปฏิบัติหน้าที่โดยเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระพิเศษเมื่อบ่ายวันเดียวกันและเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงวัฒนธรรมในเช้าวันนี้อันถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว
"พฤติการณ์และการกระทำของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งสองดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะต้องไต่สวนสอบสวนและส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัยลงโทษตามครรลองของกฎหมาย" นายศรีสุวรรณ กล่าว