นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกองทัพธรรม และศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามทวงถาม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ได้ยื่นหนังสือตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และให้มีคำสั่งไล่ออก พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) หลังมติแพทยสภาสอบจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์ สั่งพักใบอนุญาต ทั้งที่แพทย์ตรวจอาการไม่ได้บอกว่ามีอาการป่วยวิกฤติของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเหตุให้ได้รับอภิสิทธิ์ในการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจและมีโอกาสได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร.และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ตามลำดับในการแต่งตั้งวาระนายพลนี้
"หลังจากแพทยสภา มีมติลงโทษบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี พล.ต.ท.ทวีศิลป์ และ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ที่เป็นอดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจนั้น วันนี้ทางกลุ่มคปท. จึงขอเรียกร้องให้ตำรวจ 2 นายนี้ ออกจากราชการไว้ก่อน และไม่สมควรที่จะได้รับตำแหน่งสูงขึ้น ควรที่จะไล่ออก" นายพิชิตกล่าวพร้อมเรียกร้องให้ ผบ.ตร.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินคดีทางอาญา และวินัย โดยเฉพาะมาตรา 157 ที่เป็นความผิดร้ายแรงโดยเร็ว และผบ.ตร.ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งความผิดดังกล่าวเป็นความผิดชัดเจน โดยเฉพาะผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่เป็นหนึ่งใน 12 คน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมจะชี้มูล โดยวันนี้ ขอทวงถามกรณีที่เคยยื่นหนังสือไว้ ซึ่งทางกลุ่มจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติดองเรื่องไว้
ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เป็นผู้ออกมารับหนังสือจากผู้ชุมนุม และเปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพิ่งได้รับหนังสือมติจากแพทยสภา และได้มอบหมายให้ 2 หน่วยงานดำเนินการต่อไป คือ กองวินัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการประชุมพิจารณา มีความเห็นให้ ผบ.ตร.ได้รับทราบและปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และส่วนบริหารสำนักงานกำลังพล โดยสำนักงานกำลังพล จะพิจารณาและทำความเห็นเสนอ ผบ.ตร. เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยยืนยันว่าจะไม่ช้า และเป็นไปตามหลักการปฏิบัติทุกอย่าง
"ที่มีคำถามเรื่องการพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตำแหน่งนั้น ช่วงนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังเริ่มต้นกระบวนการแต่งตั้งประจำปี ซึ่งเป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรก ขอยืนยันว่าในเรื่องของการพิจารณาของทุกขั้นตอน จะต้องปฏิบัติไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งปี 2567" โฆษก ตร. ระบุพร้อมยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เลือกปฏิบัติ และก็จะเห็นว่าข้าราชการตำรวจทุกคนอยู่ภายใต้กฎ หลักเกณฑ์เดียวกันอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม