
กองทัพอากาศไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ทดแทนแบบ Saab JAS 39 Gripen ให้กองทัพอากาศเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อดำรงขีดความสามารถในการรักษาอธิปไตยเหนือน่านฟ้า
ขณะที่สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ ได้โพสต์ขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่ได้มีมติเห็นชอบให้แก้ไขข้อตกลงฯเปลี่ยนเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและขยายระยะเวลาการส่งมอบเรือดำน้ำ ซึ่งทำให้กองทัพเรือสามารถเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำได้ และจะทำให้กองทัพเรือมีขีดความสามารถของกำลังทางเรือที่ครบสมบูรณ์ทั้งมิติผิวน้ำ มิติเหนือน้ำ และมิติใต้น้ำ รวมทั้งจะเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านความมั่นคงและรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งนี้การดำเนินการแก้ไขข้อตกลงฯ เป็นไปด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ภายใต้กรอบกฎหมายโดยผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอน จนสามารถเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
กองทัพเรือ ยืนยันว่า นโยบายควบคุมการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ (Embargo Policy)ของสหภาพยุโรป ที่ได้ประกาศนั้นเกิดขึ้น ในปี พ.ศ.2562 ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากการลงนามในข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ ซึ่งมีผลเมื่อปี 2560 ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขข้อตกลงฯ และการแก้ไขข้อตกลงฯ ครั้งนี้ ยังได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้แก่ การขยายระยะเวลาการรับประกันและอะไหล่ การฝึกอบรมกำลังพล และสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงการสนับสนุนเครื่องฝึกจำลองควบคุมเรือดำน้ำ (Simulator) เพื่อเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพและความพร้อมของเรือดำน้ำอย่างยั่งยืน รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำในอนาคต
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ปัดให้รายละเอียดในเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า "เรื่องนี้ไม่คุย กองทัพกำลังรบกันอยู่ เป็นเรื่องความลับทางราชการ ไม่คุยเกี่ยวกับเรื่องเครื่องมือยุทโธปกรณ์ใด ๆ ทั้งนั้น"