ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณากรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สิ้นสุดลง โดยอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า ให้เรียกพยานบุคคลและพยานเอกสาร โดยให้พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องเสนอบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดและจัดส่งข้อมูลพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง พร้อมรับรองความถูกต้อง ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธธรรมนูญต่อไป
คดีนี้ สว.ได้เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา โดยกล่าวอ้างว่า การที่นายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี มีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแชงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นเครื่องมือแทรกแชงกระบวนการตรวจสอบการเลือก สว. อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำ สว.ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง