ติดตามความเคลื่อนไหวการเมืองในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ท่ามกลางประเด็นร้อนถึง 2 คดีเกี่ยวกับคนในตระกูล "ชินวัตร" เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลอาญา นัดชี้ชะตา 2 พ่อ-ลูก ตระกูลชินวัตร ซึ่งผลของคดีความ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง
ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวนพยานในคดีคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ตามที่ถูกกล่าวหาจาก สว. ว่า ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รวมถึงฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง
สำหรับการไต่สวนพยานบุคคลในวันที่ 21 ส.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้ น.ส.แพทองธาร ในฐานะผู้ถูกร้อง และ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้ารับการไต่สวน ซึ่งหลายฝ่ายจับตามองว่า "นายกฯ แพทองธาร" จะเดินทางไปศาลหรือไม่ ก่อนที่จะศาลรัฐธรรมนุญจะนัดตัดสินในวันที่ 29 ส.ค.นี้
ขณะที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ น.ส.แพทองธาร จะเดินทางไปร่วมติดตามการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2-3 แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ต่อสื่อมวลชนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนคดีคลิปเสียงวันที่ 21 ส.ค.นี้ว่าจะเดินทางไปด้วยตนเองหรือไม่ โดยระบุเพียงว่า "ตรงกับวันเกิดพอดี"
หลังจากนั้น มีการโพสต์ทางสื่อโซเชียลรัว ๆ อาทิ การโพสต์ข้อความในสัปดาห์ก่อนว่า "If you have the chance to make people happy, just do it. Sometimes people are struggling silently. Maybe, your act of kindness can make their day" ที่แปลความได้ว่า "หากมีโอกาสทำให้ใครมีความสุข ก็จงทำ บางครั้ง ผู้คนอาจกำลังเผชิญความลำบากอย่างเงียบ ๆ บางทีการกระทำเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความเมตตา อาจทำให้ทั้งวันของเขาดีขึ้น" ซึ่งถอดรหัสได้ว่ามีนัสำคัญที่แสดงถึงความมั่นใจ และยังโพสต์ข้อความ Everything you do, comes back to you. Do good. Be good ด้วย
นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์นโยบายและการเมือง ได้ถอดรหัสว่า การที่ น.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความมีนัยสำคัญที่แสดงถึงความมั่นใจ
"ไม่มีลาออก ไม่มีถอดใจ ไม่สนใจว่าจะถูกมองอย่างไร แต่ต่อสู้ทุกวิถีทางให้อยู่รอด" นายธนพร กล่าวหลังจากนั้นเพียงวันเดียว ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558
ซึ่งหลายฝ่ายต่างจับจ้องไปที่คดีนี้ เพราะเชื่อว่าผลการตัดสินคดีนี้จะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล หาก "ทักษิณ" รอดจะเพิ่มการต่อรองทางการเมืองในอนาคตได้
ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดี น.ส.แพทองธารอย่างเป็นทางการ โดยมีฉากทัศน์ของคดีนี้ใน 3 แนวทาง คือ
- ลาออกก่อนศาลตัดสิน เพื่อให้รอดไม่โดนปมจริยธรรม และยังสามารกลับมาทำงานการเมือง หรือรับตำแหน่งภาคเอกชนได้ แต่ในประเด็นนี้ บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาปฎิเสธแล้วว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ลาออก แต่คงต้องติดตามแบบไม่กระพริบตาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ก่อนศาลมีคำวินิจฉัยชี้ขาด
- ไม่ผิด สามารถกลับมาทำหน้าที่นายกฯ ต่อ
- ผิด จะนำไปสู่เปลี่ยนตัวนายกฯ จะเกิดสุญญากาศการเมือง ต้องหานายกฯ คนใหม่ คงต้องจับตารายชื่อแคนดิเดทนายกฯ แต่จะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ คงต้องจับตาคดี "ทักษิณ" ทั้ง 2 คดี เพราะเชื่อว่าจะมีผลต่อการเดินหน้ารัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำต่อหรือไม่
แต่กรณีของน.ส.แพทองธารนี้ นายธนพร มองว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังพยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของนายกรัฐมนตรีที่เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างเต็มที่ เหมือนเมื่อ 24 ปีก่อน ที่ตัวเองถูกดำเนินคดีซุกหุ้น
"นายใหญ่กำลังปฏิบัติการโกงความตาย เหมือนเมื่อ 24 ปีก่อน ที่เจอคดีซุกหุ้น" นายธนพร กล่าวจุดที่เริ่มเห็นความผิดปกติคือ กรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 อนุญาตให้ขยายเวลายื่นคำชี้แจงตามคำร้องของ น.ส.แพทองธาร ในรอบที่สองออกไปจนถึงวันที่ 4 ส.ค.68 ล่าสุด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ไต่สวนพยานบุคคลจำนวน 2 ปาก ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับคดีที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ผลการวินิจฉัยของศาลฯ ทั้ง 3 คดีจะเป็นสิ่งที่กำหนดทิศทางการเมืองไทย ซึ่งทุกสายตากำลังจับจ้องว่าพ่อลูกชินวัตร จะสามารถโกงความตายทางการเมืองได้อีกหรือไม่