ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงครึ่ง ในการไต่สวนพยานทั้ง 2 ปากแล้วเสร็จ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ สว. 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
โดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ย้ำตอนหนึ่งในระหว่างอ่านรายงานกระบวนวิธีพิจารณาคดีว่า ห้ามมิให้ผู้เข้ารับฟังการไต่สวน นำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และบิดเบือนข้อมูลที่จะทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด และตามที่ศาลได้สั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีในวันพุธที่ 27 ส.ค.68 และนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 29 ส.ค.68 เวลา 09.30 น. และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น.นั้น พิจารณาแล้วเห็นว่า ตุลาการแต่ละท่านมีเวลาทำคำวินิจฉัยส่วนตนเพียง 1 วัน
ดังนั้น เพื่อให้การวินิจฉัยของศาลเป็นไปอย่างรอบคอบและครบถ้วน จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 31 ขอให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีเสนอต่อศาล ภายในวันที่ 25 ส.ค.68 หากไม่ยื่น ถือว่าไม่ติดใจ ส่วนการนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ และนัดฟังคำวินิจฉัยนั้น ให้เป็นไปตามกำหนดเดิม คือ วันที่ 29 ส.ค.68
ทั้งนี้ ภายหลังการไต่สวนแล้วเสร็จ น.ส.แพทองธาร ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ใด ๆ ถึงคำถามเกี่ยวกับคดีว่าทำเต็มที่หรือไม่และยังมีกำลังใจยังดีหรือไม่ เพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น