กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย พร้อมด้วยมวลชนนับร้อยจากหลายจังหวัด เช่น ราชบุรี, ชุมพร, ยะลา, สุราษฎร์ธานี, กระบี่ และ ภูเก็ต เป็นต้น ทยอยเดินทางมาชุมนุมกันตามนัดหมาย ที่บริเวณลานประชาชน รัฐสภา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกข้อตกลง (MOU) ฉบับที่ 43 และฉบับที่ 44 เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย เนื่องจากเชื่อว่าข้อตกลงดังกล่าว ทำให้ไทยต้องเสียเปรียบกัมพูชาในเรื่องดินแดนอาณาเขต และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา
โดยในเวลาประมาณ 13.00 น. ทางกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ จะได้เชิญแต่ละพรรคการเมือง และประธานสภาผู้แทนราษฎร มาร่วมรับทราบเจตนารมณ์ และรับหนังสือข้อเรียกร้องในเรื่องดังกล่าว ขณะที่จะมีการจัดเวทีปราศรัย "รวมพลังยกเลิก MOU 43, MOU 44" โดยจะมีแกนนำสับเปลี่ยนกันขึ้นเวที เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม และนายพิชิต ไชยมงคล เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะยุติการชุมนุมในเวลาประมาณ 17.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนทยอยเดินทางมาที่รัฐสภาตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยบางคนมีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้า หรือผูกริบบิ้นลายธงชาติไทย พร้อมกับถือร่ม และธงชาติไทย ตลอดจนทำป้ายให้ยกเลิกสัญญา MOU 43-44 เพื่อปกป้องอธิปไตย
ในช่วงบ่าย แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นายแก้วสรร อติโพธิ, นายพิชิต ไชยมงคล ได้ยื่นหนังสือ โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 และนายฉลาด ขามช่วง รองประธานฯ คนที่ 2 ตลอดจนตัวแทนพรรคการเมืองต่าง ๆ เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และพรรคชาติไทยพัฒนา มารับหนังสือ
นายฉลาด กล่าวว่า หลังจากการรับหนังสือแล้ว จะดำเนินการต่อในฐานะคนกลางผู้ประสานงานเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนในสภาฯ พร้อมประสานงาน สส. ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการ เช่น การอภิปราย ส่วนหากบรรจุเป็นญัตติแล้ว จะต้องพิจารณาเป็นเรื่องลับหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสมาชิก และย้ำว่าประธานสภาฯ ทำหน้าที่เพียงควบคุมการประชุม ส่วนจะดำเนินการอย่างไร ขึ้นอยู่กับญัตติที่สมาชิกเสนอ
จากนั้นพรรคภูมิใจไทย นำโดยนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ได้ขึ้นเวทีรับหนังสือจากกลุ่มผู้ชุมนุม และได้กล่าวว่าในฐานะคนไทยคนหนึ่ง รู้สึกกังวลกับวิกฤตต่าง ๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญ ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ ความมั่นคง และวิกฤตทางการเมือง แต่ภายใต้มรสุมวิกฤติเหล่านี้ ไม่เคยเห็นประชาชนคนไทยมีความสามัคคี และมีความคิดเห็นความรู้สึกไปในทิศทางเดียวกันขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นเรื่อง MOU นี้จะเป็นเพียงหนึ่งเรื่อง โดยหลังจากนี้ หวังว่าคนไทยจะสามัคคีและร่วมพลังแบบนี้ต่อไป
พรรคภูมิใจไทย เห็นว่า หากแม้ในอนาคตจะยกเลิก MOU ปี 2543 และ ปี 2544 ไทยและกัมพูชา ก็สามารถเจรจาทวิภาคีกันได้ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ เหมาะสมที่สุดที่สภาผู้แทนราษฎรควรหยิบประเด็น MOU 43 และ 44 มาพิจารณาเพื่อนำไปสู่การยกเลิก โดยพรรคภูมิใจไทย ได้ยื่นญัตติด่วนให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการยกเลิกที่ส่งผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อกรรมาธิการที่จะตั้งขึ้นมาพิจารณามีข้อมูลครบถ้วนแล้ว เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชน และขั้นตอนสุดท้าย ควรฟังเสียงประชาชน โดยการจัดทำประชามติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และได้รับการยอมรับจากสังคมทั้งประเทศ
"พรรคภูมิใจไทย ขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง พิจารณาสนับสนุนแนวทางการดำเนินการนี้ เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องของชาติบ้านเมือง อยู่เหนือการเมืองระหว่างพรรค อยู่เหนือการเมืองในประเทศ เรื่องของชาติบ้านเมืองคือการรวมใจ รักษาชาติสืบไป" นายไชยชนก ระบุจากนั้นนายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้ขึ้นเวทีเพื่อรับหนังสือจากกลุ่มผู้ชุมนุม และระบุว่า อยากเห็นประเทศไทยทำทุกวิถีทางในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ พร้อมยืนยัน เรื่องการทำงานพรรคประชาชนไม่เคยทุจริต ดังนั้น จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ พร้อมให้คำสัญญาว่าจะยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง และดำเนินการเรื่องดังกล่าวในขั้นตอนของสภาฯ ต่อไป