ร้องศาลรธน.วินิจฉัยสมาชิกภาพ "เสี่ยหนู-เสี่ยเท้ง" ปมทำ MOA

ข่าวการเมือง Sunday September 7, 2025 11:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รายงานข่าวจากรัฐสภา แจ้งว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของทั้งหมดได้เข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น สส.ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (2) ประกอบมาตรา 185 (1) และ (2)

โดยกล่าวหาว่า จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 (4) ประกอบ มาตรา 160 (5) ตามเรื่องพิจารณาที่ 17/2568 เมื่อวันที่ 29 ส.ค.68 ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งหมดตามมาตรา 167 (1) ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) บัญญัติให้ ครม.ที่พ้นจากตำแหน่งในกรณีดังกล่าวให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า ครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ยกเว้นนายกรัฐมนตรีจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้ ต่อมา ครม.ได้มีมติให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีนั้น

เมื่อนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งข้างต้นแล้ว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน ซึ่งตามหลักการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย พรรคการเมืองที่จะเสนอบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นจะต้องรวบรวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ได้มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ตามที่บัญญัติไว้ในวรรคสามของมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ภท.ได้รวบรวมเสียง สส.จากพรรคการเมืองอื่นได้เพียงไม่เกิน 146 เสียงจาก สส.ที่มีอยู่ในปัจจุบัน 492 เสียง เมื่อไม่สามารถหาเสียงในจำนวนที่มากกว่ากึ่งหนึ่งได้จึงได้ทำข้อตกลงร่วมกับ ปชน. โดยตกลงกันว่า สส.ปชน.จะให้ความเห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดย ปชน.จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขที่ ปชน.และ ภท.ตกลงร่วมกันดังต่อไปนี้

1.นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป

2.ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ตามมาตรา 256 นั้น ครม.ชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป

3.ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ตามมาตรา 256 นั้น ครม.ชุดใหม่ ปชน. และ ภท. จะเร่งผลักดันร่างรัฐธรรมญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดให้มีกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จในวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้โดยเร็ว

4.เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง ภท.ต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

5.ปชน.ยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจาก ปชน.ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของนายอนุทิน และนายณัฐพงษ์ เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหลายประการ ดังนี้

1.เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กล่าวคือ ตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 บัญญัติว่า สส.และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์

แต่การที่นายอนุทิน และนายณัฐพงษ์ ทำข้อตกลงร่วมกันดังกล่าว และกำหนดเงื่อนไขให้ สส.ปชน. ภท. และพรรคร่วมรัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในโอกาสต่อไป ต้องปฏิบัติหน้าที่หรือดำเนินการภายใต้เงื่อนไขที่ ปชน.กำหนดทั้ง 5 ประการ ถือว่าเป็นการที่ สส.พรรคร่วมรัฐบาลต้องปฏิบัติหน้าที่โดยอยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำของ ปชน. และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของ ปชน. โดยมิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวมแต่ประการใด

นอกจากนี้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 164 บัญญัติว่าในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรี ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องปฏิบัติหน้าที่ และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบ ระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม

แต่เมื่อพิจารณาตามเงื่อนไขตามบันทึกข้อตกลงร่วมดังกล่าวแล้ว มีการกำหนดให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน ทั้งที่ระยะเวลาของสภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระในเดือนพฤษภาคม 2570 อีกทั้งมีการกำหนดว่า ภท.ต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่โดยปกติแล้วรัฐบาลที่บริหารราชการแผ่นดินจะต้องมีเสียงข้างมากจาก สส.เพื่อสร้างความมีเสถียรภาพและประสิทธิภาพในการบริหารการแผ่นดิน

2.การกระทำของ ภท.และ ปชน.มีลักษณะเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกันเพื่อให้นายอนุทินได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี อันเป็นการขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 46 และการกระทำดังกล่าวยังถือว่า ภท.ยินยอมหรือกระทำการอันทำให้ ปชน.กระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของ ภท. ในลักษณะที่ทำให้ ภท. และ สส.ภท.ขาดความเป็นอิสระ

ส่วน ปชน.ก็กระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของ ภท. และ สส.ภท.ในลักษณะที่ทำให้ ภท.และ สส.ภท.ขาดความเป็นอิสระเช่นกัน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 28 และมาตรา 29 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งการกระทำของทั้งสองพรรคการเมืองดังกล่าวข้างต้น ถือว่าเป็นการกระทำอันเป็นการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและเป็นการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) และ (3) ด้วย

การกระทำของนายอนุทิน และนายณัฐพงษ์ดังกล่าวข้างต้น หาก ภท.ได้จัดตั้งรัฐบาลแล้วต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ ปชน.กำหนด กรณีย่อมถือได้ว่า ปชน.โดย สส.ปชน.ได้ใช้สถานะของการเป็น สส.อันมีลักษณะเป็นการก้าวก่าย แทรกแซง เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ผู้อื่น หรือของ ปชน.ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานของรัฐ ที่ต้องดำเนินการตามเงื่อนไขที่ ปชน.กำหนด และดำเนินการต่างๆ ตามเงื่อนไขที่ตกลงนั้น ต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการ เช่น การยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ การออกเสียงประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นต้น

ดังนั้นการกระทำของนายอนุทิน, นายณัฐพงษ์, สส.ปชน. และ สส.ภท.จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 185 (1) และ (2) ของรัฐธรรมนูญ จึงทำให้สมาชิกภาพของการเป็น สส.สิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (7)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ