
นายชุมพล จุลใส หรือ "ลูกหมี" อดีต สส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ นำทีม นายวิชัย สุดสวาสดิ์ และนายสุพล จุลใส 2 สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดตัวเตรียมร่วมงานที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) รวมถึง นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร ที่นำทีม "พลังชุมพร" 27 คน สมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ และสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทยให้กับ นายก อบจ.
นายชุมพล เชื่อมั่นว่า พรรคภูมิใจไทย จะสามารถนำพาประเทศชาติให้เดินไปข้างหน้าได้ และให้ประเทศมีความมั่นคง นี่คือจุดยืนของพวกตน พร้อมระบุว่า ไม่ได้มาเพื่อหวังประโยชน์ส่วนตัว แต่มาเพื่อต้องการพัฒนาให้ประเทศเดินไปข้างหน้า

ส่วนปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ นั้น นายชุมพล กล่าวว่า ตนไม่ได้มีปัญหากับใคร และถือเป็นเรื่องภายในพรรค ซึ่งตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว แต่พาทีมงานมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และพรรคภูมิใจไทยที่จะเดินหน้าสร้างความรักความสามัคคีให้กับคนในประเทศ
ส่วนที่มีกระแสว่า นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ รทสช. จะลาออกจากพรรคนั้น นายชุมพล กล่าวแค่ว่า ทราบเรื่องนี้จากสื่อเหมือนกัน แต่ได้มีการพูดคุยกับนายเอกนัฎ ซึ่งระบุว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ยอมรับว่าไปต่อกันยาก

ด้านนายพิพัฒน์ ได้กล่าวขอบคุณนายชุมพล และทีมงาน อบจ.และทีมพลังชุมพร ที่มาร่วมกันกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อพัฒนาประเทศของเราต่อไป อาทิ โครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์แล้วว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป
"โครงการแลนด์บริดจ์ เริ่มในสมัยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่จะสร้างระบบรางและระบบท่อในสองฝั่งทะเล ถ้าสามารถเชื่อมทะเลฝั่งอันดามัน และอ่าวไทยได้ ก็จะเป็นการสร้างอาชีพให้กับพี่น้องคนไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดระนอง และจังหวัดชุมพร ก็จะสร้างงานเพิ่มขึ้นได้ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ" นายพิพัฒน์ กล่าวส่วนที่มีหลายฝ่ายคัดค้านโครงการแลนด์บริดจ์ และให้ชะลอโครงการไว้ก่อนนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า หากชะลอไปอีก โอกาสก็คงไม่เกิด แต่การลงทุนโครงการนี้ไม่ใช่ประเทศไทยเป็นผู้ลงทุน คงต้องเชิญชวนเอกชนเป็นผู้ลงทุน ทุกวันนี้เรายังไม่พร้อมเรื่องกู้เงิน แต่มั่นใจว่าเรามีศักยภาพเชิญชวนคนมาใช้ท่าเรือทั้งสองฝั่ง
สำหรับระยะเวลา 4 เดือน จะจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้ทันหรือไม่ นายพิพัฒน์ เชื่อว่าน่าจะทัน แต่ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาลว่าในระยะเวลา 4 เดือนนี้จะสานต่อเรื่องแลนด์บริดจ์หรือไม่ เพราะเป็นการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งหลังจากที่ไทยมี EEC แล้วก็ยังไม่มีโครงการใหญ่เกิดขึ้น ดังนั้นจะพยายามทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ
"ขออย่าไปสนใจว่า 4 เดือน หรือกี่วัน สิ่งที่เราต้องทำ คือต้องทำทันที ส่วนจะทำได้ขนาดไหน ในอนาคตหากได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เราก็จะสานต่อ แต่ถ้าไม่ได้รับความไว้วางใจ ก็ต้องฝากโครงการที่ดี หรือโครงการที่จะสามารถให้คนไทยมีรายได้ที่ดีขึ้น ให้กับรัฐบาลชุดต่อ ๆ ไป นี่คือความตั้งใจของพรรคภูมิใจไทย" นายพิพัฒน์ กล่าวส่วนหลังจากนี้ จะมี "บิ๊กเนม" มาร่วมงานการเมืองกับพรรคอีกหรือไม่นั้น รวมถึงการตั้งเป้าหมายในพื้นที่ภาคใต้อย่างไรนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้คุยกับเพื่อน ๆ ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ว่าเรามีอุดมการณ์ที่จะมาร่วมกันทำงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคใต้ เพราะที่ผ่านมาพื้นที่ภาคใต้เสียโอกาสไปมาก เนื่องจากไม่มีการรวมตัวกันที่ชัดเจน ซึ่งหากมีการรวมตัวกันได้ ก็มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาภาคใต้ไปได้มากกว่านี้
ส่วนความมั่นใจที่จะกวาดที่นั่ง สส.ภาคใต้ ได้ถึง 40 ที่นั่งหรือไม่นั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า คงไม่สามารถตอบได้ แต่เป็นสิ่งที่คนใต้ต้องตัดสินใจ และเชื่อว่าผลงานของพรรคภูมิใจไทยตลอดที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นแล้วว่า พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ นี่คือสิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้พูดอยู่เสมอ ส่วนจะได้ที่นั่งมากกว่าเดิมหรือไม่ ก็จะต้องพยายามมากขึ้น