นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงการเลือกตั้งในปี 2569 ควบคู่กับการจัดทำประชามติ สอบถามการแก้รัฐธรรมนูญ และการยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา ซึ่งประชาชนจะได้บัตรลงคะแนน 4 ใบ ว่า ยังเป็นเพียงแค่แนวคิด แต่เชื่อว่าประชาชนจะไม่สับสน โดยรัฐบาลจะประสานงานหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกระทรวงมหาดไทย เพื่อเร่งทำความเข้าใจ และทำความคุ้นเคยให้กับประชาชนใช้สิทธิให้ถูกต้องตามบัตรลงคะแนนแต่ละใบ และเชื่อว่าจะช่วยในการประหยัดงบประมาณ เพราะการจัดทำประชามติ หรือการจัดให้มีการลงคะแนนเสียงของประชาชน จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5 - 6 พันล้านบาทต่อครั้ง
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่อง MOU ปี 2543 และ 2544 หากผลการศึกษาชัดเจน และสามารถดำเนินการได้โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะทำได้ เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี แต่ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่การโยนภาระให้ประชาชน แต่หากผลการศึกษาออกมาแล้วชัดเจนว่า ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ประเทศไทยไม่ได้เปรียบด้านใดเลย ก็ต้องเลือกประเทศไทยก่อน พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้เป็นการให้เกียรติประชาชน ซึ่งหากถามตนเองยกเลิกไปแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามกฎหมาย MOU ไม่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย เช่นเดียวกับ MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ที่มีผลผูกพัน ซึ่งเบี้ยวไม่ได้ 4 เดือนจะต้องยุบสภา แต่ MOU คือ ความเข้าใจกัน ถ้าไม่เข้าใจกันเมื่อไรก็ยกเลิก แต่ก็มีคนพยายามไปตีความว่า จะต้องเลิกทั้ง 2 ฝ่าย หากเลิกทั้ง 2 ฝ่ายก็ถือเป็นสัญญา ซึ่งการตีความเบื้องต้นของตนเองได้รับฟังและสอบถามผู้รู้ทางกฎหมายแล้ว
นายอนุทิน กล่าวถึงแนวคิดเมืองคู่แฝดบ้านหนองจาน-บันเตียเมียนเจย แก้ปัญหาการรุกล้ำเขตแดน ของพล.อ.ณัฐพงศ์ นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นแนวคิด ตอนนี้เน้นเรื่องการรักษาอธิปไตย รักษาดินแดนของประเทศไทยตามกฎหมายเป็นหลัก