พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้ยกเว้นหลักเกณฑ์กรณีการไปช่วยราชการสิ้นสุดลงตามข้อ 11 ของระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566
และให้ พล.ต.ท.ไพบูลย์ เจียมอนุกลูกิจ นายแพทย์ (สบ.8) โรงพยาบาลตำรวจ รักษาราชการแทนนายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 ถึงวันที่ 31 มี.ค.69
สืบเนื่องจากคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.68 มีมติลงโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 และหากกระทำการฝ่าฝืนโดยยังประกอบวิชาชีพเวชกรรมจะถือเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งลงวันที่ 24 ก.ค.68 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว
คำสั่งแพทยสภาให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นมาตรการระงับใช้ใบอนุญาตเป็นการชั่วคราว และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทางด้านการแพทย์ ประกอบกับปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง จึงเป็นเหตุอันเป็นที่สงสัยว่ามีข้าราชการตำรวจประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ หากให้ปฏิบัติบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส เกิดความเป็นธรรม และมีให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 และมาตรา 105 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566