นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เปิดเผยถึงกรณีการอพยพชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 10 ต.ค.นี้ และล่าสุดสื่อกัมพูชา รายงานว่าจะยอมไม่ออกจากพื้นที่ ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของประเทศไทย รัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายไทย โดยจะไม่ให้คนที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทยเข้ามาทำผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยจะต้องใช้กฎหมายหลายฉบับเข้ามาดำเนินการในส่วนนี้ อย่างไรก็ดี กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านหนองจาน เป็นชาวบ้านทั่วไป ดังนั้นต้องปฏิบัติกับเขาเหล่านี้ด้วยวิธีที่ไม่ทำให้เขาเดือดร้อน
"กลุ่มนี้ คือคนทั่วไป ต้องปฏิบัติกับเขาอีกวิธีหนึ่ง แต่ต้องไม่ทำให้เขาเดือดร้อน แบบต้องผลักดัน หรือการอุ้มกันออกไป คงไม่ใช่ แต่จะใช้วิธีทางกฏหมายให้ได้มากที่สุด และพูดคุยให้ได้มากที่สุด" นายกรัฐมนตรี กล่าวทั้งนี้ คงไม่ได้เริ่มดำเนินการในวันที่ 10 ต.ค. เพราะตนไม่ได้เป็นคนพูดกำหนดวันนี้ แต่เรื่อง 10 ต.ค. เป็นเพียงการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้ตั้งไว้เป็นไทม์ไลน์ไว้มากกว่า ซึ่งขณะนี้ยังพอที่จะเจรจากันได้ เพื่อให้เขาย้ายออกจากพื้นที่แล้วไปสร้างชุมชนแห่งใหม่ แต่คงไม่ใช่การผลักดันในขณะที่ยังมีการเผชิญหน้ากันอยู่
"หากถอนอาวุธหนัก ทุ่นระเบิด และถอนกองกำลังออกไป เราก็มาเจรจาในเรื่องนี้ ซึ่งคุณต้องหาสถานที่ เอาคนของคุณออกไป กลับไปยังอาณาเขตของคุณ อย่างนี้เรายังพอพูดกันได้ ไปสร้างชุมชนใหม่ ให้เขาได้ย้ายออกไป แต่ไม่ใช่ผลักดันเป็นสิ่งแรก ในขณะที่การเผชิญหน้ากันยังมีอยู่ มันต้องจัดลำดับ" นายกรัฐมนตรี กล่าวนายอนุทิน ยังกล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ในวันนี้เพื่อให้เห็นสภาพพื้นที่จริง ก่อนที่จะไปประเมินสถานการณ์ เพื่อมาวางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกรณีการสร้างรั้วกั้นระหว่างไทย-กัมพูชา ที่วานนี้ (2 ต.ค.) ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้มีมติเห็นชอบในหลักการไปแล้ว ซึ่งจะพิจารณาว่าพื้นที่ใดควรมีรั้วกั้น หรือพื้นที่ใดไม่จำเป็นต้องมี ซึ่งคงไม่ใช่การสร้างรั้วทั้งตลอดแนวพรมแดนไทย-กัมพูชา