นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงษ์ สว.ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่) พ.ศ. . รัฐสภา กล่าวถึงแนวทางการลงมติของที่ประชุม กมธ.ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ว่า กมธ. ซีกของ สว.ยังไม่ได้หารือกันถึงทิศทางของการลงมติองค์กรผู้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นไปตามแนวทางใด แต่ตามประเด็นที่ในชั้น กมธ.เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา สรุปเสนอให้พิจารณา 5 ประเด็น พร้อมจะลงมติ
ทั้งนี้ ตามหลักการแล้ว เห็นว่าควรยึดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง ซึ่งในกรณีที่มีการเสนอแนวทางที่ให้ประชาชนเป็นผู้เลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือผู้ร่างรัฐธรรมนูญแล้วส่งรายชื่อให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก เท่ากับว่าเป็นกรณีที่ให้ประชาชนเป็นผู้เลือกตั้งองค์กรทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เมื่อถามว่าข้อเสนอของพรรคประชาชน (ปชน.) ที่ให้ประชาชนเลือกผู้ทำรัฐธรรมนูญชั้นต้นแล้วส่งให้รัฐสภาเลือก ซึ่งมีคำอธิบายว่าไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฟังขึ้นหรือไม่นั้น นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ฟังไม่ขึ้น เพราะกรณีกำหนดให้ประชาชนเลือกมาก่อนแล้วส่งให้ สส. และ สว. เลือกอีกชั้น เท่ากับว่ามีกระบวนการที่ให้ประชาชนเป็นผู้เลือก ต่อให้อธิบายว่าเป็นเลือกตั้งทางอ้อมก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมองว่าวิธีการที่เสนอให้ประชาชนเลือกผู้ทำรัฐธรรมนูญแล้วให้ สส. และ สว. คัดเลือก เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ และมองว่า สส. และ สว. ที่มีอำนาจเต็มในฐานะตัวแทนประชาชน สามารถเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญหรือกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญได้
ส่วนที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เสนอแนวทางให้ประชาชนสมัครเป็น ส.ส.ร. แล้วนำรายชื่อทั้งหมดให้รัฐสภาเลือก ตรงนี้มองอย่างไร นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า เป็นแนวทางที่ไปได้ เพราะไม่ได้ให้ประชาชนเลือก และเป็นการสมัครของประชาชนโดยตรง แต่จะกำหนดการเลือกที่ป้องกันเสียงข้างมากลากไปได้อย่างไรนั้น เป็นรายละเอียดที่ต้องหารือในมาตราอื่น หลังจากที่ได้ข้อสรุปในประเด็นองค์กรผู้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว