นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยอมรับว่ามีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ ส่วนที่เหลือรอให้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ และใครจะอยู่ในลำดับใดไม่สำคัญ เพราะคนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่ว่าจะออกมา 2 หรือ 3 ชื่อ มีความสำคัญเท่ากันหมด เพราะคนที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนที่สร้างความเข้าใจความหวังให้กับประชาชนถึงแนวทางในการบริหารพรรคการเมือง เสนอวิธีบริหารประเทศทำให้ประชาชนอยู่รอด อยู่ดีกินดีได้จริงหรือไม่ อย่างไร ขณะนี้ยังรอความชัดเจนว่าจะเปิดเป็นทางการวันไหน
สำหรับความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคฯ ได้เตรียมการมาเป็นเวลานานแล้ว จึงมีความพร้อมตลอด เพราะคิดอยู่แล้วว่าจะมีการยุบสภาซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้
สิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้วคือเรื่องนโยบายที่กำลังเตรียมนำเสนอประชาชนและจะเป็นนโยบายที่ตนคิดว่ามีความแตกต่าง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ตนเชื่อว่าจะเป็นความหวังให้กับประชาชนได้พอสมควร หากดูจากกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.69 มีเวลาเพียงเดือนครึ่ง ซึ่งในระหว่างนี้การแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาน่าจะมีความคืบหน้าหลายเรื่อง ความกังวลของประชาชนในเรื่องนี้น่าจะมีคลายใจลงไปได้พอสมควร แต่ปัญหาใหญ่ที่กำลังคืบคลานเข้ามา และประชาชนจะมีความกังวลมากคือ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง เพราะภาวะของเศรษฐกิจโลก ตนมั่นใจว่าปีหน้าทั้งปีจะมีปัญหาแน่นอน เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ การปรับนโยบายการเงินและการขึ้นดอกเบี้ยของญี่ปุ่น ซึ่งสวนทางกับสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดฟองสบู่แตกในตลาดทุนของประเทศตะวันตก ถ้าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ผลกระทบจะกระจายไปทั่วโลก
สำหรับปัญหาของประเทศไทยคือ ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา หลายรัฐบาลเน้นการกู้หนี้สาธารณะเพิ่มแล้วนำมาแจกประชาชน เป็นการแจกเพื่อกิน เพื่อใช้ประจำวัน ซึ่งมันจะเป็นปัญหาใหญ่ ตอนนี้หนี้สาธารณะเราอยู่ในระดับสูง ถ้าเรายังทำแบบนี้อยู่คือกู้หนี้มาแล้วเอามาแจก มันจะเป็นอันตราย อย่างเช่น คนละครึ่ง หากแจกคนเปราะบาง ก็จะเป็นลักษณะของรัฐสวัสดิการ แต่ถ้านำไปแจกคนที่ช่วยตัวเองได้ โดยที่กู้หนี้สาธารณะมาแจก ตรงนี้จะเป็นการเพิ่มหนี้ แต่ไม่ได้เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งทั้งหมดนี้พรรค พปชร.มีนโยบายในการแก้ไขไปข้างหน้า ที่จะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ ขอให้สบายใจได้ว่าเราจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ โดยมีแนวคิดนโยบายเงินผัน ไปให้หมู่บ้านเพื่อพัฒนาตนเอง คล้ายกับรัฐบาลของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และจะยังมีนโยบายเรือธงอื่นที่น่าสนใจออกมาอีก
นายธีระชัย กล่าวว่า ขณะนี้พรรคมีนโยบายพร้อมแล้ว ซึ่งทุกนโยบายได้ผ่านความเห็นชอบจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ และคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการตรวจสอบนโยบายของทุกพรรคการเมืองก่อนนั้นไม่มีปัญหา เราได้ทำทุกนโยบายให้มีความสมดุล ทั้งนี้พร้อมร่วมงานกับทุกพรรคที่ยอมรับนโยบายของเราได้
ขณะที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานเปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แก่ น.ส.ประภา เฮงไพบูลย์, นายศุภสิทธิ์ เฮงไพบูลย์ และ นายปภัทร เฮงไพบูลย์ หรือ "3 พี่น้องเฮงไพบูลย์" โดย น.ส.ประภา เจ้าของฉายา "ล้มช้าง" จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาซึ่งสามารถเอาชนะคู่แข่งที่เป็นอดีต สส.ในพื้นที่ 5 สมัยมาแล้ว
นอกจากนี้ยังมีนายผดุง หนองพงศ์ สามีของ "ต่าย-สายธาร นิยมการณ์" อดีตนักแสดงชื่อดัง เดินทางมาสมัครเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี ในนามพรรคพลังประชารัฐ
ด้าน พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ อดีต สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาพร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร สส.กาญจนบุรี ทั้ง 5 เขต ประกอบด้วย พล.อ.สมชาย เขต 1, นายจิตรกร ว่องประเสริฐ เขต 2, นายเดชาธร ชมเพ็ชร เขต 3, นายเผ่าพันธุ์ ดอกมะลิป่า เขต 4 และ นายวันชัย สินประเสริฐ เขต 5
โดย พล.อ.สมชาย ยอมรับว่า พื้นที่ จ.กาญจนบุรี เขต 1 มีการแข่งขันสูง ทุกพรรคมีความหวังได้รับการเลือกตั้ง แต่ขึ้นอยู่กับประชาชน ซึ่งจะทำให้ดีที่สุด และคิดว่าสังคมต้องผสมผสานกันระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่าได้เปรียบเรื่องประสบการณ์ อีกทั้งในสังคมปัจจุบันปี 2569 เป็นต้นไปจะมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุสูงขึ้น 27% จึงจำเป็นที่ต้องผสมผสานกัน โดยเอาประสบการณ์คนรุ่นเก่ามาเอื้อประโยชน์ ให้กับการทำงานของคนรุ่นใหม่
ส่วนกระแสของพรรคภูมิใจไทยที่มาแรงนั้น ตนเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยต้องการเป็นพรรคเดียวในการเป็นผู้บริหารในสมัยต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะตัดสินใจจะให้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือมีพรรคร่วมรัฐบาล