นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยังไม่ยอมเปิดปากเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 รายว่าจะเป็นใครบ้าง โดยขอให้รอดูผลการประชุมพรรคก่อน
"ขอให้ประชุมพรรคก่อน ใกล้จะ Finally แล้ว" นายอนุทิน กล่าวโดยที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคฯ วันนี้ จะมีการหารือถึงนโยบายทั่วไป เพื่อหาข้อสรุปนโยบายหาเสียงเลือกตั้งปี 69 ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ธ.ค. 68 เบื้องต้นจะเป็นนโยบาย 4 ภัย ที่จะสานต่อจากรัฐบาล 96 วัน ได้แก่
1. ภัยเศรษฐกิจปากท้อง โดยจะมี 3 ระยะ คือระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ในระยะเร่งด่วนจะเป็นนโยบายการพักหนี้ทุกรูปแบบ 1 คน 100,000 บาท นโยบายคนละครึ่งพลัส ส่วนในระยะยาวจะวางรากฐานเพื่อให้ความสำคัญกับผู้ที่อยู่ในระบบภาษี โดยจะได้สิทธิประโยชน์จากสวัสดิการของรัฐมากกว่าคนที่อยู่นอกระบบภาษี เช่น บัตร 30 บาทพลัส
2. ภัยความมั่นคงชายแดน จะสนับสนุนกองทัพปกป้องอธิปไตยของไทย เพื่อสร้างความชัดเจนบนเวทีโลก และเดินหน้าเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสู้รบ
3. ภัยสังคม ยกระดับปัญหาสแกมเมอร์ และปัญหายาเสพติดเป็นภัยความมั่นคง
4. ภัยธรรมชาติ และการเยียวยา ยังคงเดินหน้าเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น เดินหน้านโยบายโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน และการควบคุมก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ประเทศไปสู่เป้าหมาย Net Zero
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่มีการนำเสนอนโยบายกัญชาทางการแพทย์ เนื่องจากนโยบายนี้ได้ประสบความสำเร็จไปแล้ว พร้อมจับตานโยบายยกเลิก MOU 43-44
ส่วนความชัดเจนเรื่องแคนดิเดตของพรรค นายอนุทิน กล่าวว่า ปัจจุบันบริบททางการเมืองเปลี่ยนไป จากเดิมที่มองว่าคนเดียวก็พอ แต่หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมา บางพรรคอาจมีปัญหาได้ จึงต้องมีไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด ซึ่งขณะนี้ยังพูดคุยกันอยู่ ต้องให้คนที่เราทาบทามไปพิจารณาปรึกษาหารือกันก่อน
ทุกคนที่ทำงานร่วมกันในรัฐบาลชุดนี้ ให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำงานกันต่อไปในภาคส่วนที่แต่ละท่านมีความถนัด
"หัวหน้าทีมเศรษฐกิจก็หนีไม่พ้นคุณศุภจี คุณเอกนิติ แต่คุณศุภจีก็แยกออกไปเป็นสาขาในเรื่องเศรษฐกิจภาคพาณิชย์ อุตสาหกรรม การค้า คุณเอกนิติก็ไปในเรื่องการเงิน การคลัง เรื่องเศรษฐกิจมหภาค เรื่องการควบคุมวินัยทางการเงิน งบประมาณ ท่านสีหศักดิ์ แน่นอนอยู่แล้วว่า ท่านเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญ การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ใช้การทูตสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในพื้นที่เวทีนานาชาติ..ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ให้สามารถกลับมาบริหารราชการแผ่นดินหลังการเลือกตั้งได้ ก็จะเห็นหน้าคนเหล่านี้อยู่ในรัฐบาล"นายอนุทิน กล่าว