พรรคเพื่อไทย นำโดย นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สองผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะผู้บริหารพรรค ลงพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อรับฟังความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยมุ่งเน้นประเด็นปัญหาด้านการเกษตร ราคาพืชผล การจัดการน้ำ และต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
ช่วงเช้า เวลา 11.00 น. คณะเดินทางไปยังหมู่ 1 ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมเวทีรับฟังปัญหาราคาสินค้าเกษตร ซึ่งพรรคเพื่อไทยชูแนวทางการนำเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มาปรับใช้ในภาคการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่า ลดต้นทุน และยกระดับรายได้เกษตรกร โดยชาวบ้านได้สะท้อนปัญหาหลักคือ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้งทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ต่อเนื่อง

ตัวแทนชาวบ้านยังฝากข้อเรียกร้องสำคัญว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ถูกยกให้กับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น และต้องมีรัฐมนตรีที่มีความรู้ ความเข้าใจด้านการเกษตรอย่างแท้จริง เพราะที่แล้วมาเจ้ากระทรวงทำงานไม่เป็น พร้อมขอให้ช่วยดูแลราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่า 10,00020,000 บาทต่อตัน เนื่องจากต้นทุนการผลิตอยู่ในระดับสูง
จังหวะหนึ่ง นายจุลพันธ์ ได้ถามกลับว่า "ไม่ให้ยกกระทรวงเกษตรฯ ให้ใครใช่หรือไม่" ซึ่งตัวแทนชาวบ้านย้ำเสียงหนักแน่นว่า "กระทรวงเกษตรฯ อย่ายกให้" สะท้อนความคาดหวังต่อบทบาทของรัฐบาลสมัยหน้าในการกำกับราคาสินค้าเกษตร
ด้านนายยศชนัน กล่าวว่าปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ภัยแล้ง การคมนาคม หรือราคาพืชผล ว่าที่ผู้สมัคร สส. ในพื้นที่ได้สรุปประเด็นมาให้รับทราบแล้ว เพื่อจัดทำนโยบายแก้ไขอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะเรื่องพันธุ์ข้าว ปุ๋ย และต้นทุนการผลิต จะนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วย พร้อมพัฒนาระบบเตือนภัยเพื่อลดความเสียหายจากภัยพิบัติ
นายยศชนัน ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมนโยบาย ประกันกำไรสินค้าเกษตร 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถยืนอยู่ได้ด้วยขาของตนเอง ขณะเดียวกัน การควบคุมราคาสินค้าเกษตรเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เริ่มวางกลไกไว้แล้ว และพร้อมเดินหน้าทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง
ขณะที่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นโยบายด้านการเกษตรที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง คือ นโยบายประกันกำไรสินค้าเกษตร 30 เปอร์เซ็นต์ ครอบคลุมสินค้าเกษตรทุกประเภท พร้อมมาตรการแจกคูปอง 2 ใบ ได้แก่ คูปองซื้อปุ๋ยคนละ 250 กิโลกรัม และคูปองเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้เกษตรกรได้รับเมล็ดพันธุ์ที่แข็งแรงจากภาครัฐ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายพักหนี้เกษตรกรรายละไม่เกิน 500,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยไม่ต้องชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อเป็นความหวังในการฟื้นฟูชีวิตเกษตรกร ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยทอดทิ้งเกษตรกร เพราะเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคมาโดยตลอด
จากนั้น เวลา 12.00 น. คณะได้ขึ้นเวทีปราศรัย ณ ศาลาการเปรียญวัดโพธิ์ท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งถือเป็นเวทีปราศรัยครั้งแรกของนายยศชนัน ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีประชาชนร่วมรับฟังนับพันคน ส่งเสียงต้อนรับอย่างต่อเนื่อง
นายยศชนัน กล่าวปราศรัยว่า โดยเริ่มต้นว่า "ขอเสียงพี่น้องชาวสุพรรณบุรีหน่อย ใครว่ายศชนันพูดเสียงดังไม่ดัง นายจุลพันธ์ บอกว่ารอบนี้หาเสียงปราศรัยไม่ใช่มาบรรยาย กลัวพี่น้องจะหลับ วันนี้เป็นเวทีแรกจริงๆที่ผมได้มาพบพี่น้องทุกท่าน"
จากนั้นายยศชนันปราศรัยต่อว่า สุพรรณบุรีเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ เป็นจังหวัดเก่าแก่ที่สะท้อนภาพรวมของประเทศไทย หากสุพรรณบุรีเปลี่ยนได้ ประเทศไทยก็เปลี่ยนได้ พร้อมย้ำว่าวิสัยทัศน์ของตนเริ่มต้นจากเกษตรกร โดยยืนยันว่าเกษตรกรสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง เพราะตนและนายจุลพันธ์จะ "บังหลัง" ไม่ให้เกิดการแทงข้างหลัง พร้อมทำงานหลังบ้าน พัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเครื่องจักรทางการเกษตรอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มผลผลิตโดยไม่เพิ่มภาระให้เกษตรกร
ในเรื่องราคา นายยศชนัน ระบุว่า พรรคตั้งเป้าดันราคาข้าวทั่วไปไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อตัน และข้าวหอมมะลิไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อตัน แต่เมื่อคำนึงถึงต้นทุนที่สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องมีนโยบายประกันกำไร 30 เปอร์เซ็นต์ ควบคู่กับการส่งเสริมการแปรรูปและวิสาหกิจชุมชน ตามหลักการคืนอำนาจให้ประชาชนและท้องถิ่น
นายยศชนัน ยังกล่าวถึงบทเรียนวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ว่า ประเทศไทยเคยผ่านช่วงเวลายากลำบากมาได้ด้วยการตัดสินใจทางนโยบายที่ถูกต้อง พร้อมย้ำว่าองค์ความรู้และประสบการณ์ของคนในพรรคเพื่อไทยยังคงอยู่ และพร้อมนำมารับมือกับความท้าทายในปี 2568 ทั้งปัญหาสภาพอากาศ เศรษฐกิจ และโครงสร้างสังคม เพื่อทำให้ประชาชน โดยเฉพาะชาวสุพรรณบุรี ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
ด้าน นายจุลพันธ์ ปราศรัยเสริมว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้มาเพียงแค่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่เดินทางมาพร้อมนโยบายที่เป็นรูปธรรม ทั้งการพักหนี้เกษตรกร นโยบายคูปองปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเคยเริ่มดำเนินการในรัฐบาลก่อนหน้า พร้อมย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีไม่กี่ทางเลือก และขอให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนและพรรค เพื่อนำนโยบายกลับไปคืนชีวิตที่ดีให้ประชาชน
ภายหลังการปราศรัย นายยศชนัน ได้เดินทักทายและถ่ายภาพกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก
สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญของพรรคเพื่อไทย และเป็นการลงพื้นที่อย่างเป็นทางการครั้งแรกของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ร่วมกับทีมผู้บริหารพรรค หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยคณะผู้ร่วมลงพื้นที่ประกอบด้วย นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, นายจักรพงษ์ แสงมณี, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์, นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด, น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล และนายอนุชา นาคาสัย อดีต สส.ชัยนาท รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร สส.จังหวัดสุพรรณบุรี