นายเกรียงไกร พานดอกไม้ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ย้ำถึงการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง โดยจะต้องกำหนดวงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ ความคุ้มค่า และประโยชน์ รวมถึงผลกระทบและความเสี่ยง ต้องมีการกำหนดข้อมูลเหล่านี้ให้ครบถ้วน เพื่อส่งให้ กกต.ได้รับทราบไม่น้อยกว่า 20 วันก่อนวันเลือกตั้ง สามารถหาเสียงได้ทั้งหมด แม้จะผ่านหรือไม่ผ่านการตรวจสอบจาก กกต. ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดส่งนโยบายมาให้ กกต.
สำหรับการตรวจสอบพรรคการเมือง จะมีการแต่งตั้งผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเงิน เศรษฐกิจ เข้ามาตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมือง และคณะกรรมการชุดนี้ จะมีหน้าที่ในการเรียกเอกสาร หรือให้พรรคการเมืองชี้แจงประกอบการพิจารณาของ กกต. ประกอบไปด้วย 1.ผู้แทนของกระทรวงการคลัง 2.กระทรวงพาณิชย์ 3.สำนักงบประมาณ 4.สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5.ธนาคารแห่งประเทศไทย 6.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 7.สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และ 8.สำนักงานตรวจเงินแผ่น (สตง.)
หลังจากนั้น จะเสนอให้ กกต.พิจารณา หากพบว่าพรรคการเมือเสนอไม่ครบถ้วน ก็จะแจ้งให้แก้ไข ซึ่งในการเลือกตั้งปี 2566 มีพรรคการเมืองส่งนโยบายหาเสียงมาให้ กกต.รวม 743 นโยบาย และ กกต.ได้สั่งให้แก้ไข 10 พรรคการเมือง โดยทุกพรรคให้ความร่วมมือ
"ครั้งนี้ เราจะเข้มกว่าทุกครั้ง เราแจ้งให้พรรคการเมืองไปแล้ว ว่าต้องดำเนินการอย่างไร มีการส่งแบบฟอร์มให้กรอก เราให้ความสำคัญกับการตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมือง จึงมีการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ทั้ง 8 หน่วยงาน จะส่งรายชื่อตัวแทนทำหน้าที่มายัง กกต. และเมื่อ กกต.มีคำสั่งแต่งตั้ง ก็จะมีการประชุมทันที เพื่อจะกำหนดกรอบการทำงาน" นายเกรียงไกร กล่าวทั้งนี้ การตรวจสอบนโยบาย กกต. ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎหมาย ซึ่งต้องแยกกับการที่พรรคการเมืองหาเสียงแล้ว ได้นำนโยบายนั้นไปปฏิบัติหรือไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองเคยหาเสียงไว้แล้วว่า ต้องทำนโยบายนั้นนี่ เมื่อได้เป็นรัฐบาล แต่ได้เป็นรัฐบาลแล้วได้ทำหรือไม่ เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องไปติดตาม และตัดสินว่าพรรคเคยสัญญา และได้ทำตามที่สัญญาไว้หรือไม่ ซึ่งถือเป็นสำนึกและความรับผิดชอบที่แต่ละพรรคการเมืองต้องพิจารณา
"บางเรื่องเขาอาจไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่บางเรื่องเขาได้เป็นรัฐบาล ได้คุยกับพรรคร่วม แล้วนโยบายนั้นตกไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ประชาชนต้องดูว่าเขาผลักดันนโยบายนั้น ไปสู่สัญญาที่ได้ให้ไว้หรือเปล่า หรือได้พยายามผลักดันนโยบายนั้นต่อพรรคร่วม เพื่อให้เป็นนโยบายของพรรคร่วมหรือเปล่า ซึ่งเป็นข้อมูลที่ประชาชนใช้ตัดสินใจในการเลือกเป็น สส.หรือไม่" นายเกรียงไกร กล่าวร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการกกต. กล่าวถึงการขายความคิด การขายนโยบาย และการขายเครดิต โดยไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง จะถือว่าเป็นการหาเสียงที่แท้จริงไม่ผิดกฎหมาย
ส่วนฐานความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เช่น การทำลายเครื่องมือและกระบวนการในการจัดการเลือกตั้ง เช่น การทำให้บัตรเสียหาย รวมถึงการทำลายเจตนารมณ์การเลือกตั้งโดยตรงและโดยลับ ทำให้การเลือกตั้งไม่มีเสรีภาพ มีการจ้างให้สิ่งของ ข่มขู่ หรือการพนันจัดการเลือกตั้ง กกต.จะต้องมีการออกกฎระเบียบ และรายละเอียดของฐานความผิดต่อไป
ขณะที่สื่อมวลชนห้ามทำโพลโดยมีเจตนาไม่สุจริต มีลักษณะชี้นำ หรือมีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนน หรือไม่ลงคะแนน ซึ่งจะมีความผิดตามมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ทั้งนี้ ห้ามมีการเปิดเผยผลโพลในระหว่างเวลา 7 วันก่อนวันเลือกตั้งจนถึงเวลาปิดการลงคะแนน
ร.ต.อ.ชนินทร์ แสดงความกังวลต่อกรณีสัญญาว่าจะให้จัดการเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยขอให้ผู้สมัครระมัดระวังเรื่องการทำบุญใส่ซอง หาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพรื่นเริง รวมถึงห้ามจูงใจว่าจะจัดเลี้ยง หรือรับจะจัดเลี้ยงให้แก่ผู้ใด ส่วนที่เป็นปัญหามากคือ การปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ จึงขอให้สื่อมวลชนระมัดระวัง อย่ากลายเป็นเครื่องมือของพรรคการเมือง พร้อมทั้งย้ำลักษณะต้องห้าม ทั้งกรณีติดยาเสพติดให้โทษ ล้มละลาย หรือเคยล้มละลายทุจริต เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน
ด้านว่าที่ ร.ต. สัมพันธ์ แสงคำเลิศ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ได้อธิบายขั้นตอนการรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต ซึ่งจะรับสมัครระหว่างวันที่ 27-31 ธ.ค.68 ซึ่งวันแรกของการรับสมัคร หากผู้สมัครมาถึงก่อนเวลารับสมัคร ถือว่ามาพร้อมกันในเวลา 08.30 น. ก็จะมีการจับสลาก 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการจับสลากยื่นใบสมัครโดย ผอ.กกต. ส่วนครั้งที่สอง ผู้สมัครเป็นจับสลากหมายเลข เพื่อนำไปหาเสียง จากนั้นก็ยื่นใบสมัครต่อเจ้าหน้าที่ จะมีการตรวจสอบเบื้องต้น หากเอกสารสมัคร หรือเงินค่าสมัคร 10,000 บาทไม่ครบถ้วน ก็จะต้องมายื่นใบสมัครในวันถัดไป แต่จะมีการเลื่อนลำดับผู้สมัครคนอื่นขึ้นมาแทน เมื่อมาสมัครวันอื่น จะได้หมายเลขใหม่ เน้นย้ำว่าจะต้องตรวจสอบเอกสาร และเงินค่าสมัครให้ครบถ้วน
นายวีระ ยี่แพร รองเลขาธิการกกต.กล่าวว่า ขณะนี้ รัฐบาลได้ส่งข้อมูลเรื่องการทำประชามติมายัง กกต.แล้ว ซึ่งตามกฎหมาย หลังจากนี้ 15 วัน รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี จะประกาศวันออกเสียงประชามติ คาดว่าจะเป็นวันที่ 2 ม.ค.69 เมื่อประกาศแล้ว เป็นหน้าที่ กกต.จะต้องเผยแพร่ข้อมูลที่รัฐบาลส่งมา และต้องเปิดให้มีการลงทะเบียนออกเสียงประชามตินอกเขต ซึ่งจะลงทะเบียน 3 วัน อาจเป็นช่วงวันที่ 3-5 ม.ค.69
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว จะทับซ้อนกับการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า นอกเขตจังหวัด และนอกราชอาณาจักร ที่ กกต.เปิดให้ลงทะเบียน ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค. 68 - 5 ม.ค.69 จึงเกรงว่าหากประชาชนไม่ลงทะเบียนแต่เนิ่น ๆ และไปลงทะเบียนในช่วง 3 วันสุดท้าย อาจทำให้ระบบล่มได้ จึงขอให้ประชาชนที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 1 ก.พ.69 รีบลงทะเบียนก่อน และหากจะใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกเขตเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องไปออกเสียงในวันที่ 8 ก.พ.69 เท่านั้น ก็ค่อยไปลงทะเบียนในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค.69
ส่วนการนับคะแนนประชามติ จะนับที่หน่วยออกเสียงทั้งในประเทศ และนอกราชอาณาจักร แตกต่างจากการเลือกตั้ง สส.ที่บัตรลงคะแนนทั้งนอกเขต และนอกราชอาณาจักร จะถูกส่งกลับไปนับคะแนนตามหน่วยที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน