เลือกตั้ง'69: "เพื่อไทย" ยกทีมพบ ส.อ.ท. หนุนอุตสาหกรรมอนาคต สร้างเครื่องยนต์ศก.ใหม่

ข่าวการเมือง Wednesday December 24, 2025 12:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เลือกตั้ง'69:

นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะ 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางไปพบปะหารือกับผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะกรรมการบริหาร เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และแลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่กำลังเปราะบาง โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการกำหนดทิศทางนโยบายที่สามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างยั่งยืน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ในช่วงใกล้เลือกตั้ง เป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยมีความเปราะบาง และต้องการนโยบายที่จะเข้ามาพลิกฟื้นปากท้องของประชาชนอย่างเร่งด่วน ภาคอุตสาหกรรม ถือเป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อน GDP ถึง 1 ใน 3 ของประเทศ และเป็นแหล่งจ้างงานขนาดใหญ่

เลือกตั้ง'69:

แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญพายุแห่งความท้าทาย ทั้งการถูก Disrupt ด้วยเทคโนโลยี ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้าที่ทำให้สินค้าต่างชาติทะลักเข้ามาในภูมิภาค ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นฐานรากส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังขาดเกราะป้องกันที่เข้มแข็งพอ

นายเกรียงไกร ชี้ให้เห็นประเด็นที่น่ากังวลว่า แม้ตัวเลขการส่งออกไทยในปีนี้จะดูเหมือนขยายตัว แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดกลับพบว่า ภาคการผลิตจริง หรือดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ของไทยไม่ได้ขยับตัวตาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นความผิดปกติเชิงโครงสร้างที่ต้องเร่งแก้ไข

เลือกตั้ง'69:

ดังนั้น ส.อ.ท. จึงได้นำเสนอแนวทางปรับตัวภายใต้ยุทธศาสตร์ "ONE FTI" เพื่อเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมดั้งเดิม (existing industries) ไปสู่อุตสาหกรรมอนาคต (Next-Gen Industries) ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก หรือ "4 GO" ประกอบด้วย

1. GO Digital & AI ยกระดับการผลิตด้วยปัญญาประดิษฐ์

2. GO Innovation สร้างผู้ประกอบการจิ๋วแต่แจ๋วด้วยนวัตกรรม

3. GO Global เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานโลกด้วยมาตรฐานสากล

4. GO Green มุ่งสู่ความยั่งยืนและเป้าหมาย Net Zero ในปี 2593

โดยโฟกัสที่กลุ่มอุตสาหกรรม S-curve และโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก

ด้าน นายยศชนัน กล่าวว่า ส.อ.ท. เป็นหน่วยงานแรก ที่พรรคเพื่อไทยเลือกมาหารือ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ เนื่องจากได้เคยทำงานคลุกคลีกับภาคอุตสาหกรรมมาก่อน และได้ศึกษาวิสัยทัศน์ของเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวทางที่ ส.อ.ท. นำเสนอนั้น สอดคล้องกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่มุ่งเน้นการพัฒนาประเทศแบบครบวงจร ไปสู่ Advanced Manufacturing (การผลิตขั้นสูง)

ส่วนกลไกการนำเทคโนโลยีเข้าสู่ประเทศนั้น รัฐบาลต้องเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา หรือ "License-in" โดยยกตัวอย่างโครงการแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ที่รัฐไม่ควรทำเพียงแค่จัดซื้อฮาร์ดแวร์ แต่ควรลงทุนซื้อลิขสิทธิ์เทคโนโลยีแกนกลาง (Core Technology) เข้ามา แล้วถ่ายทอดให้ผู้ประกอบการไทยเป็นผู้ผลิต เพื่อให้เกิดการจ้างงานและการพัฒนา R&D ภายในประเทศอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ยังเสนอให้ถอดบทเรียนความสำเร็จจากไต้หวัน ในการใช้กลไก Science Park เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Transfer) จากนักลงทุนต่างชาติ ควบคู่ไปกับการเร่ง Upskill และ Reskill แรงงานไทย และการอำนวยความสะดวกด้วยระบบ One-stop Service เพื่อดึงดูดผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเข้ามาทำงาน

ในส่วนของการสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ (New Growth Engine) แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย มองว่า ต้องสอดรับกับเป้าหมาย SDGs และ Net Zero โดยไทยมีจุดแข็งด้าน Synthetic Biology (ชีววิทยาสังเคราะห์) จากบุคลากรในมหาวิทยาลัยวิจัย ที่พร้อมเชื่อมโยงสู่ภาคธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และควรผลักดันมาตรการ Green Premium เพื่อสร้างแต้มต่อให้อุตสาหกรรมสีเขียว สามารถแข่งขันได้เหนือกว่าอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษ

พร้อมทั้งเสนอโมเดลการสร้างระบบนิเวศธุรกิจ ที่ให้บริษัทขนาดใหญ่ทำหน้าที่เป็น Venture Capital (VC) หรือ Angel Investor สนับสนุน Startup และ SMEs รุ่นใหม่ ให้สามารถเข้าถึงเงินทุน การทดสอบทางคลินิก หรือช่องทางการตลาดระดับโลก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ด้วยนวัตกรรมของคนไทยเอง ไม่ว่าบริบททางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ