นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวในงานแถลงนโยบายพรรคภูมิใจไทย ว่า การดำเนินงานของทีมเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ได้ทำภารกิจหลัก คือ "การพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย" ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยเศรษฐกิจไทยเปรียบเสมือน "รถยนต์ที่ติดหล่ม" อย่างหนัก ซึ่งช่วงรอยต่อในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ GDP ดิ่งลงเหลือเพียง 1.2% และหากไม่มีมาตรการรองรับ อาจลดต่ำลงเหลือเพียง 0.3% เท่านั้น
ทั้งนี้ จากการดำเนินนโยบายในช่วง 73 วันแรก ได้มีการทำนโยบายผ่านยุทธศาสตร์ "Quick Big Win" เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส โครงการเที่ยวดีมีคืน การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และมาตรการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ เพื่อชุบชีวิต SME ทำให้เศรษฐกิจไทยพ้นจากหล่มและมีสัญญาณคึกคักขึ้นชัดเจน โดยคาดการณ์ว่า ในไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 1%

นอกจากนี้ รัฐบาลยังสร้างความเชื่อมั่นต่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก โดยสามารถทำให้ Moodys ซึ่งเป็นสถาบันจัดเครดิตเรตติ้งระดับโลก คงอันดับความน่าเชื่อถือและมุมมองเสถียรภาพของไทยไว้ในระดับปกติได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นผลงานที่สำคัญของรัฐบาล
นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในอีก 4 ปีข้างหน้า จะใช้แนวทาง "เศรษฐกิจ 10 Plus" เพื่อผลักดันการเติบโตให้ไม่ต่ำกว่า 3% หรือนโยบาย 3% Plus โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ 5 Plus เพื่อความทั่วถึง และ 5 Plus เพื่อคุณภาพ
- 5 Plus เพื่อความทั่วถึง
นโยบาย 5 Plus เพื่อความทั่วถึง จะมุ่งเน้นเศรษฐกิจฐานราก และคนตัวเล็ก โดยจะมปฏิรูปบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ทั่วถึง ลดค่าไฟไม่เกิน 3 บาท/หน่วย (ใช้ไฟไม่เกิน 200 หน่วย) สำหรับรายย่อย และส่งเสริมการออมผ่านพันธบัตรออม Plus และบัญชีการออมส่วนบุคคล (TISA) ที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายสูงวัย Plus จะเปลี่ยนผู้สูงอายุเป็นพลังที่มีทักษะ มีงาน มีเงิน และมีคนดูแล ผ่านการใช้บัญชีเกษียณส่วนบุคคล
ส่วนนโยบายชุมชน Plus จะกระจายความมั่งคั่งสู่ภูมิภาค ผ่านการท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักภาษีได้ 2 เท่า
การศึกษาเท่าเทียม Plus นโยบายเรียนฟรีมีงานทำ และสร้างแพลตฟอร์ม Skill Bridge เชื่อมโยงทักษะแรงงานให้ตรงกับความต้องการของเอกชน
รวมทั้งนโยบาย Made in Thailand SME Plus ที่จะเติมทุนดอกเบี้ยต่ำผ่านกลไกค้ำประกันสินเชื่อใหม่ และให้แต้มต่อ SME ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย
- 5 Plus เพื่อคุณภาพ
สำหรับนโยบาย 5 Plus เพื่อคุณภาพ เป็นการยกเครื่องการลงทุนและเทคโนโลยี โดยการลงทุน Plus จะตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 30% ของ GDP ภายใน 4 ปี เน้นอุตสาหกรรมอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และสุขภาวะ (Wellness) ขณะเดียวกันรัฐบาลพร้อมใช้กองทุน Thailand Future Fund ที่มีอยู่ มาระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยไม่เป็นการเพิ่มหนี้สาธารณะ
นอกจากนั้น ยังมีนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว Plus ที่มุ่งสู่ Net Zero ด้วยพลังงานสะอาด เช่น Solar Rooftop/ Solar Farm และการสร้าง "ตลาดคาร์บอนเครดิต" เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
ส่วนนโยบาย AI Plus จะนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มรายได้ให้ประชาชน โดยพบว่าโครงการที่ใช้ AI ช่วยเหลือให้พ่อค้า-แม่ค้า สามารถสร้างรายได้เพิ่มถึง 5-6 เท่า
สำหรับนโยบาย Trade Plus จะใช้เศรษฐกิจนำการทูต ค้าขายอย่างฉลาด และยึดตลาดโลกด้วยพันธมิตร
นโยบายไทยแลนด์ (Thailand) Plus เราจะเน้นการปฏิรูปกฎระเบียบภาครัฐให้สามารถเร่งรัด ฉับไว เพื่อดึงดูดการลงทุน เช่น โครงการ Thailand Fast Track ที่พร้อมผลักดันการลงทุนกว่า 4.7 แสนล้านบาทได้ทันทีจากโครงการที่มีความพร้อมที่จะลงทุนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการทำงานควบคู่กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ได้ทำนโยบาย Thailand Fast Pass ไว้รองรับแล้ว
"เศรษฐกิจไทย เหมือนรถยนต์ที่เก่า และติดไฟแดงบ่อย จากกฎระเบียบที่ล้าสมัย เราต้องยกเครื่องใหม่ เร่งการลงทุนในอุตสาหกรรมที่สำคัญ และเพิ่มทักษะใหม่ ๆ ให้แรงงาน เปลี่ยนทักษะคนขับ และนำ AI มาใช้ เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพและยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะทำได้จริงในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า นายเอกนิติ กล่าว